posttoday

ไทยมีซีอุย โปรตุเกสมีอัลเวส ศีรษะฆาตกรดองน้ำยากว่า170ปี

15 พฤษภาคม 2562

ศีรษะของอัลเวสถูกตัดหลังจากการประหารด้วยการแขวนคอเพื่อนำมาศึกษาพฤติกรรมของนักฆ่าโลกตะลึง

 

ศีรษะของอัลเวสถูกตัดหลังจากการประหารด้วยการแขวนคอเพื่อนำมาศึกษาพฤติกรรมของนักฆ่าโลกตะลึง

ในเวลานี้ คนไทยกลับมาให้ความสนใจศพของซีอุยที่โรงพยาบาลศิริราชอีกครั้ง หลังจากมีกระแสเรียกร้องให้คืนความยุติธรรมแก่ซีอุย และยุติการจัดแสดงนำร่างของซีอุยเสีย แต่ไม่ใช่แค่ที่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีการเก็บรักษาศพของอาชญากรเพื่อทำการศึกษาทางการแพทย์ ในประเทศตะวันตกก็มีการเก็บรักษาศพหรืออวัยวะของอาชญากรมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และศพที่โด่งดังที่สุดศพหนึ่งคือ ศีรษะของ ดิโอโก อัลเวส (Diogo Alves) ฆาตกรต่อเนื่องชาวโปรตุเกส ที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญในช่วงปี 1940

ดิโอโก อัลเวส เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวโปรตุเกสที่เกิดในสเปน ระหว่างปี 1836 และ 1840 เขาฆ่าคนไปถึง 70 คน โดยก่ออาชญากรรมในพื้นที่แถบลำรางส่งน้ำอากวัส ลิวเรส ในแถบกรุงลิสบอน ดังนั้นจึงได้รับฉายา "ฆาตกรลำรางส่งน้ำ" (Aqueduct Murderer)

อัลเวส เกิดและเติบโตที่แคว้นกาลิเซีย ประเทศสเปน แต่เดินทางจากบ้านเกิดข้ามมาหางานทำในโปรตุเกส แต่แทนที่จะทำงานหาเลี้ยงชีพแบบคนทั่วไป เขากลับตัดสินใจหากินด้วยการก่ออาชญากรรม

ลำรางนี้ไม่เพียงเป็นที่ส่งน้ำไปยังกรุงลิสบอน แต่เป็นเส้นทางที่ถูกใช้โดยเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในเขตชานเมืองเพื่อขนถ่ายพืชผลไปขายในลิสบอน อัลเวสตัดสินใจกบดานและหากินที่นี่ เขาจะเล็งเป้าหมายพวกชาวนาชาวไร่ที่เดินทางไปลิสบอนในตอนเช้า แล้วรอคอยจนกว่าเป้าหมายจะขายของแล้วได้เงินกลับมาช่วงขากลับ จากนั้นจะลงมือสังหารแล้วโยนศพทิ้งลงไปที่ด้านล่างลำราง รวมแล้วมีคนตายถึง 70 คน

ไทยมีซีอุย โปรตุเกสมีอัลเวส ศีรษะฆาตกรดองน้ำยากว่า170ปี ภาพจาก © 2010 Museu de Medicina

แต่ถึงขนาดนี้แล้วเจ้าหน้าบ้านเมืองก็ยังไม่ขยับ อาจเป็นเพราะเหยื่อเป็นเพียงชาวนาที่ยากจน ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันไว้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายเลียนแบบ กว่าจะขยับก็ผ่านไป 3 ปีหลังจากการ "ฆ่าตัวตายต่อเนื่อง" ทางบ้านเมืองจึงปิดลำรางเพื่อป้องกันเหตุร้าย

อัลเวส จึงเปลี่ยนกลยุทธ์และเริ่มกำหนดเป้าหมายมาเป็นการลงมือตามบ้านคนในลิสบอน ทำการระดมสมาชิกแก๊งอาชญากรรม แล้วทำการปล้นบ้านชาวลิสบอนที่ร่ำรวยนานถึง 2 ปี แต่ในที่สุดเขาก็ถูกจับได้ในปี 1841 และถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1841

อัลเวสกลายเป็นอาชญากรคนก่อนสุดท้ายที่ถูกแขวนคอในโปรตุเกส (มักอ้างผิดพลาดว่าเป็นคนสุดท้าย) นักวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนแพทย์ศัลยกรรมแห่งลิสบอนสนใจพฤติกรรมอันโหดเหี้ยมของเขา ดังนั้น หลังจากแขวนแล้วแพทย์จึงทำการตัดศีรษะของอัลเวส เพื่อศึกษาลักษณะสมองของเขา จนถึงทุกวันนี้ศีรษะของอัลเวส ก็ยังคงได้รับการเก็บรักษาไว้ในภาชนะแก้วใส่สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ห้องสาธิตกายวิภาค แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยลิสบอน เช่นเดียวกับศีรษะของ มาโตส โลโบ (Matos Lobo) อาชญากรคนสุดท้ายที่ถูกแขวนคอในโปรตุเกส

พิพิธภัณฑ์กายวิภาคระบุว่า การดองศีรษะของอัลเวส เป็นความพยายามของโลเลนซู ดา ลูซ (Lourenço da Luz) ผู้ก่อตั้งแผนกศึกษาจิตใจของโรงเรียนแพทย์ศัลยกรรมแห่งลิสบอน ซึ่งการที่ศพของอัลเวสถูกตัดหัวทิ้งแล้วนำมาเก็บไว้ที่สถาบัน ก็เพื่อที่จะทำการศึกษากะโหลกศีรษะตามหลักทฤษฎี Phrenology ที่เสนอโดยนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อดัง ฟรานซ์ โยเซฟ กัล (1758-1828) ที่เสนอว่าสติปัญญาและลักษณะสัญชาตญาณของบุคคลแตกต่างกันไปตามลักษณะของกะโหลกศีรษะ

ปัจจุบันศีรษะของอัลเวสอยู่ในโหลดองน้ำยามานานกว่า 178 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องได้