posttoday

ศึกนี้ยืดเยื้อ มาเลย์โหนสิงคโปร์ส่งอาหารริมทางเป็นมรดกโลก

05 พฤษภาคม 2562

สงครามแย่งชิงความต้นตำรับอาหารแผงลอยระหว่าง 2 ประเทศเริ่มดุเดือดเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้สิงคโปร์ได้หน้าประเทศเดียว

สำนักข่าว Sin Chew Daily และ Straits Times ของสิงคโปร์รายงานว่า รัฐบาลรัฐปีนังได้เสนอให้ประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ ร่วมกันยื่นเสนอชื่อศูนย์อาหารหาบเร่ หรือ Hawker ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของยูเนสโก เพื่อเพิ่มโอกาสที่วัฒนธรรมอาหารริมทางจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หลังจากที่สิงคโปร์เคยเสนอฝ่ายเดียว จนสร้างความไม่พอใจให้กับชาวมาเลเซียที่ยืนยันว่า Hawker เป็นวัฒนธรรมของมาเลเซียเช่นกัน

โหย่วซุนฮิน ประธานกรรมการคณะกรรมการการท่องเที่ยว, ศิลปะ, วัฒนธรรมและมรดกแห่งปีนังกล่าวว่า ที่ผ่านมามีแบบอย่างในการที่ประเทศ 2 ประเทศจะเสนอมรดกโลกร่วมกัน อีกทั้งสหประชาชาติสนับสนุนการเสนอชื่อดังกล่าว และเขาเห็นว่าการทำงานร่วมกับสิงคโปร์ ซึ่งมีวัฒนธรรมคนหาบเร่แบบเดียวกันกับมาเลเซียไม่เพียงแต่จช่วยหลีกเลี่ยงการชิงดีชิงเด่นระหว่างกัน แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าจดทะเบียนเป็นมรดกโลก

ทั้งนี้ Hawker หรือ ศูนย์หาบเร่ เป็นคอมเพล็กซ์กลางแจ้งในสิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฮ่องกง และหมู่เกาะเรียวในประเทศอินโดนีเซีย โดยศูนย์หาบเร่เป็นที่ตั้งของร้านค้าต่างๆ ที่จำหน่ายอาหารราคาไม่แพงหลากหลายชนิด มักพบได้ตามใจกลางเมืองใกล้กับอาคารสาธารณะหรือสถานีขนส่ง ในสิงคโปร์ ศูนย์หาบเร่ผุดขึ้นมาในเขตเมืองหลังในช่วงปี 1950 และ 1960 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาอาหารหาบเร่แผงลอยที่ไม่ถูกสุขลักษณะและพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ที่ไม่มีใบอนุญาต จนกระทั่งกลายเป็นวัฒนธรรมการกินอาหารที่แยกไม่ออกจากวิถีชีวิตชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย แต่ปัจจุบัน Hawker กำลังถูกแทนที่ด้วยศูนย์อาหาร หรือฟู๊ดคอร์ท ในห้างสรรพสินค้าและสถานที่เชิงพาณิชย์อื่น ๆ

ทั้งนี้ สิงคโปร์และเทศมาเลเซียต่างก็เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และมีวัฒนธรรมหลายอย่างร่วมกัน อีกทั้งระหว่างปี 1963 - 1965 สิงคโปร์ยังเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซีย แต่ต่อมาสิงคโปร์แยกตัวไปเป็นประเทศเอกราช ทั้ง 2 ประเทศมีปัญหาเรื่องการอ้างสิทธิเหนือวัฒนธรรมร่วมกันหลายอย่าง โดยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว สิงคโปร์ประกาศเสนอวัฒนธรรมการกินอาหารในศูนย์หาบเร่ ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของยูเนสโก สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับชาวมาเลเซีย ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียเรียกร้องให้เสนอชื่อร่วมกัน 

เมื่อเดือนสิงหาคม Straits Times รายงานว่า กรณีดังกล่าวทำให้สิงคโปร์และมาเลเซียมองหน้ากันไม่ติด และทำให้เชฟชื่อดังของมาเลเซีย คือ Chef Wan ถึงกับโจมตีสิงคโปร์ว่า "คนที่ขาดความมั่นใจในอาหารของตัวเอง จะเสนอหน้าทำทุกอย่างให้คนอื่นหันมามอง" 

ภาพโดย Photo by Roslan RAHMAN / AFP