posttoday

มหาเธร์ยอมเสีย "ค่าโง่" แต่สุดท้ายมาเลเซียไม่เสียอะไรเลย

23 เมษายน 2562

เก็บ "ค่าฉลาด" ทางการเมืองแล้วกลับมาเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มหาเธร์สั่งระงับกับรัฐบาลจีนต่อ

มาเลเซียเก็บ "ค่าฉลาด" ทางการเมือง แล้วกลับมาเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มหาเธร์สั่งระงับกับรัฐบาลจีนต่อ

หลังจากเป็นคดียืดเยื้อมากว่า 20 ปี ในที่สุดศาลปกครองก็มีคำพิพากษาให้รัฐบาลไทยจ่ายเงินค่าโง่ให้กับบริษัทเอกชนในคดีโครงการก่อสร้างโฮปเวลล์ถึง 1.2 หมื่นล้านบาท แต่โครงการของรัฐบาลที่ถูกยุติกลางคันลักษณะนี้ไม่ได้เกิดกับไทยเพียงประเทศเดียว ในช่วง 2 ปีมานี้รัฐบาลมาเลเซียได้สั่งยุติโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ทำไว้กับรัฐบาลจีนถึง 3 โครงการ คือทางรถไฟเชื่อมฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตก โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และโครงการอสังหาริมทรัพย์บันดาร์มาเลเซีย ซึ่งล้วนได้รับเงินทุนสนับสนุนจากโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ One Belt One Road ของจีน

แม้ว่าคู่สัญญาของไทยกับมาเลเซียจะแตกต่างกัน โดยฝ่ายหนึ่งเป็นเอกชนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐบาล แต่ความสำเร็จของมาเลเซียในการต่อรองเป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้ 

มหาเธร์ยอมเสีย "ค่าโง่" แต่สุดท้ายมาเลเซียไม่เสียอะไรเลย ภาพ : REUTERS

หลังจากนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด เอาชนะอดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ในการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว มหาเธร์ได้สั่งยุติโครงการทางรถไฟเชื่อมฝั่งตะวันออก (ECRL) ที่รัฐบาลนาจิบเซ็นสัญญาให้รัฐบาลจีนเข้ามาดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 2016 โดยตั้งคำถามถึงความจำเป็นของทางรถไฟสายนี้และค่าใช้จ่ายมหาศาล เพราะมาเลเซียมีหนี้อยู่ถึง 252,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 65% ของจีดีพี ซึ่งในช่วงที่หาเสียงเลือกตั้งนั้น มหาเธร์รับปากกับชาวมาเลย์ว่าจะพยายามลดหนี้ของชาติ และการสร้างทางรถไฟนี้ก็มีแต่จะเพิ่มภาระทางการเงินของมาเลเซีย

นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานอีกว่ามูลค่าของสัญญาสูงกว่าความเป็นจริง มหาเธร์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ ว่าหากให้บริษัทในท้องถิ่นของมาเลเซียสร้างทางทางรถไฟ ECRL จะเสียค่าใช้จ่ายเพียงครึ่งหนึ่งของเงิน 13,400 ล้านเหรียญสหรัฐที่นาจิบตกลงจ่ายให้กับบริษัทคู่สัญญาจากจีน อีกทั้งยังพบว่ามีเงิน 700 ล้านเหรียญสหรัฐถูกถ่ายโอนไปชำระหนี้ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนเพื่อการพัฒนามาเลเซีย (1MDB) ส่อแววว่ารัฐบาลนาจิบทุจริตในโครงการนี้

มหาเธร์ยอมเสีย "ค่าโง่" แต่สุดท้ายมาเลเซียไม่เสียอะไรเลย ภาพ : www.bdp.com

มหาเธร์ยังสั่งยุติโครงการท่อส่งแก๊สที่เชื่อมจากเมืองมะละกาและเมืองพอร์ทดิกสันไปยังรัฐเกดะห์ และท่อส่งแก๊สในรัฐซาบาห์ เนื่องจากตรวจพบหลักฐานว่ารัฐบาลจ่ายเงินไปแล้วถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่การก่อสร้างกลับไม่คืบหน้า รวมไปถึงระงับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บันดาร์ มาเลเซีย ที่นาจิบริเริ่มเมื่อปี 2011

ตอนนั้นผู้เชี่ยวชาญมองว่าการยกเลิกโครงการใหญ่กับจีนทั้ง 3 โครงการอาจส่งผลต่อการเติบโตของจีดีพีและการลงทุนภายในของมาเลเซียในระยะสั้น แต่หากมองในระยะยาวถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากโครงการมูลค่ามหาศาลนี้จะไม่เกิดประโยชน์กับมาเลเซีย ด้วยมูลค่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐของเส้นทางรถไฟสายตะวันออก การขนส่งสินค้าด้วยวิธีดังกล่าวจึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งที่มาเลเซียมีเส้นทางทางน้ำในการขนส่งสินค้าเป็นหลักอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่มาเลเซียต้องลงทุนก้อนใหญ่แลกกับเส้นทางรถไฟสายนี้

มหาเธร์ยอมเสีย "ค่าโง่" แต่สุดท้ายมาเลเซียไม่เสียอะไรเลย ภาพ : REUTERS

แต่แล้วจู่ๆ มหาเธร์ก็ประกาศว่าจะกลับมาเดินหน้าก่อสร้างทางรถไฟ ECRL ต่อ หลังจากคู่สัญญาคือบริษัท ไชนา คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน คอมพานี ยอมลดค่าดำเนินการให้ 1 ใน 3 เหลือ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งปัดฝุ่นโครงการบันดาร์ มาเลเซีย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายราว 33,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้นำมาเลเซียให้เหตุผลว่าทั้งสองโครงการนี้จะเป็นกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับมาเลเซียและกระตุ้นการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ

และล่าสุด มหาเธร์ยังเผยอีกว่า โครงการ One Belt One Road ของจีน จะเพิ่มการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศอาเซียน และมาเลเซียก็หวังจะเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนของภูมิภาคจากโครงการนี้

ท่าทีที่กลับไปกลับมาของมหาเธร์ครั้งนี้ ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบโพสต์ข้อความเยาะเย้ยผู้นำมาเลเซียวัย 93 ปีที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลนาจิบขายชาติ ยอมก้มหัวให้จีน ว่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง