posttoday

วอชิงตันผลักดันกฎหมาย "ใช้ศพคนทำปุ๋ย"

23 เมษายน 2562

รัฐวอชิงตันผ่านกฎหมายใช้ศพมนุษย์ทำปุ๋ยอินทรีย์ เพิ่มทางเลือกการฌาปนกิจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

รัฐวอชิงตันผ่านกฎหมายใช้ศพมนุษย์ทำปุ๋ยอินทรีย์ เพิ่มทางเลือกการฌาปนกิจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

รัฐสภาของรัฐวอชิงตันทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐประสบความสำเร็จในการผ่านกฎหมายการลดการแปลงสภาพศพมนุษย์ให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ตามธรรมชาติ (natural organic reduction) แล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่ในขั้นตอนสุดท้ายทางรัฐสภาวอชิงตันจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังนายเจย์ อินสลีย์ ผู้ว่าการรัฐลงนามรับรองภายในวันศุกร์นี้

การผ่านกฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐวอชิงตันกลายเป็นรัฐแรกของสหรัฐที่เปิดทางเลือกในการฌาปนกิจศพมนุษย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยกฎหมายฉบับนี้จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2020

ร่างกฎหมาย SB500l ฉบับนี้จะเป็นการเปิดทางให้ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถมีทางเลือกในการฌาปนกิจศพในวิธีอื่นเช่นการจัดการศพด้วยน้ำ (alkaline hydrolysis) การลดปริมาณสารอินทรีย์ตามธรรมชาติ (natural organic reduction) หรือการเปลี่ยนแปลงศพให้กลายเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติ นอกเหนือจากวิธีการฝั่งศพตามสุสาน หรือการเผา

ผู้เสนอกฎหมายฉบับนี้อ้างผลการวิจัยที่ระบุว่า ศพมนุษย์หาได้รับการย่อยสลายที่ถูกต้องตามธรรมชาติจะมีความปลอดภัยมากพอที่จะนำปุ๋ยเหล่านั้นไปใช้ในสวนหลังบ้านได้เช่นเดียวกับปุ๋ยโดยทั่วไป และไม่มีกลิ่นอื่นใดนอกจากกลิ่นดินเท่านั้น ซึ่งสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ตามมาคือการลดค่าใช้จ่ายในการฌาปนกิจ รวมถึงยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากกระบวนการ alkaline hydrolysis นั้นจะใช้น้ำราว 60-240 แกลลอนในการย่อยสลายกล้ามเนื้อขนาด 450 กิโลกรัม และใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าการเผาตามปกติ

ขณะที่กระบวนการ natural organic reduction คือการเร่งการย่อยสลายศพมนุษย์ในสถานที่ปิดก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นปุ๋ยที่ใช้กันตามบ้านเรือน หรือในเกษตรกรรม

ปัจจุบันในสหรัฐมีอยู่ราว 16 รัฐที่เปิดทางให้ใช้วิธีการจัดการศพด้วยกระบวนการ alkaline hydrolysis แต่มีรัฐวอชิงตันที่กำลังจะเป็นรัฐแรกในการเปิดทางให้จัดการศพด้วยวิธีย่อยสลายตามธรรมชาติ ปัจจุบันบริษัทรับฌาปนกิจศพหลายแห่งในสหรัฐใช้วิธีการจัดการศพในรูปแบบนี้แล้ว