"Saudi Aramco" บริษัทที่มีกำไรสูงสุดในโลก

Saudi Aramco บริษัทน้ำมันสัญชาติซาอุฯ ขึ้นแท่นบริษัททำกำไรสูงสุดบนโลกนี้ถึงหลักล้านล้านบาท

หากตั้งคำถามว่าบริษัทขนาดยักษ์ใหญ่ใดบนโลกนี้ที่คุณคิดว่า เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการ หรือ กำไรสูงที่สุด คุณอาจคิดว่าเป็นบริษัท Apple Inc. , Amazon บริษัทรถยนต์ หรือ ธนาคารยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย แต่แท้จริงแล้วบริษัทที่มีกำไรสูงที่สุดกลับเป็นบริษัทในกลุ่มพลังงานคือ บริษัท Saudi Aramco

บริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทน้ำมันซึ่งมีรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเป็นเจ้าของ จากการเปิดเผยของมูดีส์อินเวสเตอส์เซอร์วิส ระบุว่า บริษัทน้ำมันแห่งนี้สามารถทำกำไรตลอดปี 2018 ที่ผ่านมาได้สูงถึง 111,000,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 3 ล้านล้านบาท) ขณะที่บางรายงานระบุว่าอาจสูงถึง 355,000,000,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าบริษัท Apple Inc. ซึ่งมีกำไรรองลงมาเป็นอันดับสอง ในปี 2018 ที่ผ่านมาทำกำไรได้ 59,000 ล้านดอลลาร์

หากเทียบกันแล้ว Saudi Aramco มีรายได้มากกว่าบริษัทใหญ่ๆทั้ง .P. Morgan Chase, Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล, Facebook และ Exxon Mobil รวมกัน

หากพูดถึงบริษัทด้านพลังงานแล้ว หลายคนคงจะรู้จัก Exxon Mobil BP หรือ Shell แต่อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจากบริษัทแห่งนึ้มีผู้ถือหุ้น 100% เป็นรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย และแม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลกำไรสูงกว่าบรรดาบริษัทพลังงานทั้งหลายแห่งบนโลกรวมกัน แต่บริษัทแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีความลับมากมาย ภายใต้ผู้ถือครองตัวจริงซึ่งก็คือราชวงศ์อัล-ซาอูด 

Saudi Aramco ก่อตั้งขึ้นในปี 1933 ภายใต้ชื่อ California-Arabian Standard Oil Company ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง

รายงานของบลูมเบิร์กเมื่อปี 2018 ระบุว่า Saudi Aramco นอกจากจะเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดในโลกแล้ว ยังเป็นบริษัทที่มีแหล่งสำรองน้ำมันดิบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกถึง 3แสนล้านบาร์เรล และเป็นบริษัทที่สามารถผลิตน้ำมันรายวันใหญ่เป็นอันดับสอง

Amin H. Nasser ซีอีโอของบริษัท

อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นบริษัทที่มีกำไรสูงสุดในโลกแต่ก็ไม่อาจทัดทานเทคโนโลยีกระแสพลังงานสะอาดในอนาคตได้ โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง ส่งผลให้เมื่อปี 2016 เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารบริษัทแห่งนี้เตรียมนำหุ้นจำนวนเพียง 5% ของบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2020 ซึ่งจะนับเป็นการซื้อขายหุ้นครั้งแรกของบริษัท

การซื้อขายหุ้นครั้งนี้คาดการณ์ว่าจะเป็นมูลค่า IPO ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การซื้อขายหุ้นบนโลก