"เจ้าสาวไอเอส" แห่กลับใจ เจอกีดกันหวั่นก่อการร้าย
หลังจากกลุ่มไอเอสใกล้จะสูญเสียที่มั่นสุดท้าย ทำให้หญิงสาวที่เดินทางไปแต่งงานและมีลูกกับนักรบไอเอสต่างเรียกร้องเพื่อกลับคืนสู่บ้านเกิด
หลังจากกลุ่มไอเอสใกล้จะสูญเสียที่มั่นสุดท้าย ทำให้หญิงสาวที่เดินทางไปแต่งงานและมีลูกกับนักรบไอเอสต่างเรียกร้องเพื่อกลับคืนสู่บ้านเกิด
*********************************
โดย...สุภีม ทองศรี
ในขณะนี้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ใกล้เสียฐานที่มั่นสุดท้ายแล้ว ทำให้ผู้เข้าร่วมไอเอสจำนวนมากเริ่มเรียกร้องขอกลับบ้าน โดยเฉพาะ “เจ้าสาวไอเอส” หรือหญิงสาวที่เดินทางไปแต่งงานและมีลูกกับนักรบไอเอส ด้วยเป้าหมายหวังบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ของไอเอส
การเรียกร้องขอหวนคืนสู่ประเทศบ้านเกิด จึงปลุกประเด็นถกเถียงอันร้อนแรงว่าบรรดาเจ้าสาวไอเอสเหล่านี้ สมควรได้รับสิทธิกลับประเทศหรือไม่ จากความวิตกเรื่องภัยก่อการร้าย
ล่าสุดนั้น กรณีของเจ้าสาวไอเอสกำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก
ชามิมา เบกุม
ชามิมา เบกุม หญิงวัย 19 ปี เรียกร้องขอกลับอังกฤษอีกครั้งพร้อมกับลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกในแคมป์ผู้ลี้ภัยที่ซีเรีย และขอให้สังคมให้อภัยสำหรับการเข้าร่วมกับไอเอส หลังหนีไปร่วมไอเอสพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี อังกฤษยืนยันว่าจะไม่รับตัวกลับ และได้ถอนสัญชาติของเบกุม ขณะที่ครอบครัวยืนยันว่าจะใช้วิธีการทางกฎหมายให้เพื่อเบกุมได้กลับอังกฤษ
โฮดา มูธานา หญิงสาววัย 24 ปี จากรัฐแอละแบมา ของสหรัฐ และเป็นหนึ่งในแกนนำกระบอกเสียงของไอเอสทางทวิตเตอร์ ก็ต้องเผชิญชะตากรรมเหมือนกับเบกุม หลังไปเข้าร่วมไอเอสในเดือน พ.ย. 2014
มูธานา กล่าวว่า ต้องการกลับสหรัฐ และเสียใจกับการหนีไปร่วมไอเอส ซึ่งมูธานาอ้างว่าได้ตกเป็นเหยื่อของการล้างสมอง พร้อมกับวิงวอนขอให้สังคมยกโทษ หลังเคยยุยงให้คนที่สนับสนุนไอเอสก่อเหตุขับรถบรรทุกพุ่งชนคนในสหรัฐ
โฮดา มูธานา
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กีดกันการรับตัวมูธานากลับสหรัฐ ซึ่งหลายฝ่ายที่เคยแย้งทรัมป์มาตลอดก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ด้วย
เอมี (ไม่ทราบนามสกุล) หญิงวัย 34 ปี จากรัฐแอลเบอร์ตา ของแคนาดา ซึ่งกำลังตั้งท้องอยู่ ก็ต้องการกลับแคนาดา โดย เอมี กล่าวกับซีทีวี นิวส์ สื่อแคนาดา ว่าต้องการกลับแคนาดาเพื่อให้บุตรได้รับการศึกษา พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยฆ่าหรือปองร้ายใครทั้งนั้น
นอกจากนี้ เอเอฟพีรายงานว่า หญิงฝรั่งเศส 2 คนที่ไปเป็นเจ้าสาวไอเอสก็กล่าวว่าพร้อมกลับฝรั่งเศสหลังหนีออกมาจากไอเอสด้วย แต่ทางการยังไม่ออกมาแสดงท่าทีใดต่อกรณีดังกล่าว
หลายชาติปัดรับตัวกลับ
สำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป (ยูโรโพล) เปิดเผยว่า พลเมืองจากยุโรปโดยเฉพาะจากอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และเบลเยียม ได้ออกจากประเทศไปร่วมรบกับไอเอสในซีเรียและอิรัก โดยตอนนี้มีนักรบราว 1,500 คน เดินทางกลับบ้านแล้ว
จากจำนวนชาวยุโรปที่เดินทางไปเข้าร่วมไอเอสนั้น ทำให้ ทรัมป์ กล่าวว่า ชาติยุโรปควรเพิ่มความพยายามในการรับผู้ร่วมไอเอส 800 คน ที่จับได้ในซีเรียกลับประเทศและนำตัวไปดำเนินคดี แม้เอสดีเอฟยืนยันว่าไม่มีความตั้งใจจะปล่อยสมาชิกที่จับกุมไว้ แต่เตือนว่าผู้อยู่ในแคมป์อาจหลบหนีได้หากมีการโจมตี
ขณะที่เอเอฟพีรายงานว่า หลายชาติในยุโรปคัดค้านคำขอจากทรัมป์ นำโดยอังกฤษ ด้านฝรั่งเศสและเยอรมนีก็มีท่าทีไม่เต็มใจรับกลับเช่นกัน
โจอานา คุก นักวิจัยอาวุโสของไอซีเอสอาร์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ชาติที่มีสถานทูตหรือข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับซีเรีย ทั้งยังไม่มีชาติไหนที่แสดงจุดยืนว่าต้องการเดินทางไปยังแคมป์กักกันนักรบและครอบครัว ทำให้ตัวแทนของรัฐบาลชาติต่างๆ ต้องเผชิญภัยอันตราย
อเล็กซ์ คาร์ไลล์ ทนายความและอดีตสมาชิกคณะกรรมาธิการทบทวนกฎหมายก่อการร้ายของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายที่จะต้องรับพลเมืองกลับ และนักรบที่ต้องการกลับจะต้องได้รับความช่วยเหลือด้านกงสุลจากชาติอื่น เช่น ตุรกี
คาร์ไลล์ กล่าวด้วยว่า ชาติยุโรปกังวลเรื่องการรับตัวนักรบไอเอสกลับประเทศ เพราะหวั่นเป็นอันตรายต่อความมั่นคง และยังมีแนวโน้มว่าการสลายตัวของไอเอสอาจจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุก่อการร้ายในยุโรป
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ชาติ รวมถึงรัสเซีย อินโดนีเซีย เลบานอน และซูดาน ที่ยอมให้ไอเอสกลับมาจากซีเรียและอิรัก
กรณีของเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ไอเอสก็เป็นความวิตกใหญ่ไม่แพ้กัน โดย คุก เปิดเผยรายงานเมื่อปีที่แล้วว่า คาดว่า มีเด็กอย่างน้อย 730 คน ที่เกิดจากพ่อแม่ต่างชาติระหว่างการร่วมรบกับไอเอส รวมถึงเด็ก 566 คน จากพ่อแม่ชาติตะวันตก
ล่าสุดศาลเบลเยียมได้สั่งให้รัฐบาลดำเนินการรับตัวเด็กเชื้อชาติเบลเยียมที่อายุไม่ถึง 6 ขวบ จำนวน 6 คน และแม่ กลับมาจากค่ายกักกัน เช่นเดียวกับ ดิดิเยร์ เรย์นเดอร์ส รัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียม กล่าวว่า รัฐบาลตั้งใจจะพาเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบ กลับเบลเยียมทุกกรณี ส่วนกรณีอื่นๆ ก็จะดำเนินการไปตามกรณี
หวั่นดำเนินคดียาก
นอกจากปัญหาเรื่องกระบวนการรับตัวกลับแล้ว อุปสรรคเรื่องการดำเนินคดีก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน โดยซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การดำเนินคดีกับผู้ต้องการกลับจากไอเอสจะต้องเผชิญอุปสรรคหลายขั้น เนื่องจากยากที่จะหาหลักฐานที่หนาแน่นพอสำหรับการดำเนินคดี เช่น อังกฤษที่ดำเนินคดีนักรบไอเอสเพียง 1 คน จากทั้งหมด 10 คนที่กลับประเทศ
ชิรัซ มาเฮอร์ ผู้อำนวยการไอซีเอสอาร์ กล่าวว่า ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย หลักฐานที่ได้จากสนามรบอาจจะไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล หรืออาจจะหาหลักฐานได้ไม่เพียงพอ หรือวิธีการหาหลักฐานอาจจะไม่เป็นที่ยอมรับ
คุก กล่าวด้วยว่า การดำเนินคดีนักรบหญิงเป็นปัญหาที่ยากกว่านักรบชาย เนื่องจากผู้หญิงไม่ได้มีส่วนร่วมในโฆษณาชวนเชื่อหรือสื่อ ต่างกับนักรบชายที่หาหลักฐานมัดตัวได้จากการปรากฏตัวตามโฆษณาชวนเชื่อและโซเชียลมีเดีย
เปิดตัวเลขนักรบไอเอสจากต่างแดน
กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย(เอสดีเอฟ) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เปิดเผยว่า เอสดีเอฟได้จับกุมนักรบต่างชาติกว่า 800 คน ภรรยาของนักรบ 700 คน และลูก 1,500 คน
ด้านสำนักงานตำรวจสหภาพยุโรป (ยูโรโพล) เปิดเผยว่า พลเมืองจากยุโรปราว 5,000 คน เดินทางไปเข้าร่วมไอเอส แบ่งเป็น
ฝรั่งเศส : 800-1,500 คน
เยอรมนี : 1,050 คน
อังกฤษ : 900 คน
เบลเยียม : 442 คน
เนเธอร์แลนด์ : 315 คน
เดนมาร์ก : 150 คน
สวิตเซอร์แลนด์ : 93 คน