posttoday

หุ้นเอเชียวูบหนัก! พิษสงครามการค้า-ดอกเบี้ยขาขึ้นฉุดมูลค่าหาย168ล้านล้าน

01 มกราคม 2562

ตลาดหุ้นเอเชียทำผลงานรับปี 2018 ไม่สดใส ส่วนใหญ่ปิดแดนลบ หลายแห่งเข้าตลาดหมีดิ่ง 20%

ตลาดหุ้นเอเชียทำผลงานรับปี 2018 ไม่สดใส ส่วนใหญ่ปิดแดนลบ หลายแห่งเข้าตลาดหมีดิ่ง 20%

บลูมเบิร์กรายงานว่า ปี 2018 ที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งความบอบช้ำของตลาดหุ้นทั่วเอเชีย อันเนื่องมาจากความผันผวนอย่างหนัก ทั้งเป็นปีที่ดัชนีหุ้นทำราคาสูงสุดทุบสถิติใหม่ แต่ก็เป็นปีที่เกิดการเทขายอย่างหนักเช่นกัน และทำให้ตลอดทั้งปีจอที่ผ่านมามูลค่าตลาดในเอเชียหายไปถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 168.4 ล้านล้านบาท) และเกือบทุกตลาดมีผลประกอบการทั้งปีในแดนลบ

นายเจสัน โลว์ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสของธนาคารดีบีเอส โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ปีนี้นักลงทุนมีทางเลือกการลงทุนที่ปลอดภัยน้อยมาก และตลาดหุ้นเอเชียก็หนีไม่พ้นผลกระทบความเสี่ยงของสงครามการค้าที่ทวีความตึงเครียดและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แถมผลกระทบต่อตลาดหุ้นยังแย่กว่าที่คาดอีกด้วย

รายงานระบุว่าตลอดทั้งปีนี้ มีดัชนีหุ้นหลักในตลาดหุ้นฝั่งเอเชียหลายตัวที่เข้าสู่ภาวะตลาดหมี หรือราคาร่วงแตะ 20% นับจากราคาปิดสูงสุดครั้งก่อนหน้าไปแล้ว ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลถึงวันที่ 27 ธ.ค. พบว่าดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ลบไปถึง 30% ตามมาด้วยดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม และดัชนีโทปิกซ์ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลงไป 26% ดัชนีเอ็มเอสซีไอ เอเชียแปซิฟิก ลง 24% และดัชนีกอสปิ ตลาดเกาหลีใต้ ลง 23%

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ยังมีตลาดหุ้นบางแห่งเปิดทำการอยู่ โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดฮ่องกง ปิดบวกได้ 341.50 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 25,845.70 จุด ทั้งปีลบไป 13.61% จากเดิมที่ก่อนหน้านี้เคยไปแตะตลาดหมีมาพักหนึ่ง

ด้านซีเอ็นบีซี รายงานว่า 2018 คือปีที่แย่ที่สุดในรอบ 10 ปี สำหรับตลาดหุ้นจีน ซึ่งดัชนีหลักส่วนใหญ่ในตลาดเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นตลาดหุ้นหลัก 2 แห่งในจีน มีราคาลดลงมากกว่า 24% ในปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ภาคการเงินสหรัฐเมื่อปี 2008 ที่ครั้งนั้นลงไปถึง 65%

รายงานระบุว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปิดลบทั้งปีไป 24.6% และแย่กว่าราคาปิดตลาดเมื่อปี 2017 ขณะที่ดัชนีใน 10 ภาคอุตสาหกรรมของเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ก็ล้วนทำผลงานได้แย่ นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดิ่งลงถึง 34% ส่วนหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งทำผลงานได้ดีที่สุดก็ยังลบไป 11% ขณะที่ดัชนีเสิ่นเจิ้น คอมโพสิต ตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นลบไป 33.25%

นายมาร์ก แฟรงคลิน ผู้จัดการอาวุโสบริษัทคอนนิง เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีนนัดแรกในเดือนนี้คาดว่าอาจมีผลลัพธ์ออกมาภายใน 3 แนวทาง คือ 1.จีนยอมลดภาษีสินค้าสหรัฐบางรายการ 2.จีนรับปากจะซื้อสินค้าเกษตรและพลังงานของสหรัฐเพิ่ม และ 3.จีนอาจยอมชะลอเป้าหมายเมดอินไชน่า 2025 ออกไป แต่ไม่ว่าอย่างไรแล้ว ปัญหาระหว่างสหรัฐและจีนคือปัญหาระยะยาว เนื่องจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็กังวลเรื่องภัยไซเบอร์ การจารกรรมข้อมูล และการทหารของจีนในแปซิฟิก

ขณะที่สถานการณ์ในตลาดน้ำมันโลกนั้น มีรายงานว่าปี 2018 อาจเป็นปีที่การซื้อขายน้ำมันโลกขาดทุนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่ราคาดิ่งลงไปมากกว่า 20% เนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกขาลงกระทบการใช้น้ำมันน้อยลงตาม และซัพพลายล้นตลาด ซึ่งปีที่ผ่านมาสหรัฐยังผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก โดยตลอดทั้งปีราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสลดลงไป 24% และราคาน้ำมันดิบเบรนต์ลดลงไปราว 20% และในไตรมาส 4 ปี 2018 ที่ผ่านมา เวสต์เทกซัสดิ่งลงไปถึง 38% และน้ำมันดิบเบรนต์ลดลง 35%