posttoday

นักวิทย์อังกฤษแนะรัฐบาลประเทศต่างๆเก็บภาษีเนื้อ

08 พฤศจิกายน 2561

"ม.ออกซ์ฟอร์ด"เสนอประเทศต่างๆเก็บภาษีเนื้อแดง-เนื้อแปรรูป ชี้เป็นตัวทำลายสุขภาพปชช.

"ม.ออกซ์ฟอร์ด"เสนอประเทศต่างๆเก็บภาษีเนื้อแดง-เนื้อแปรรูป ชี้เป็นตัวทำลายสุขภาพปชช.

เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ ได้เผยผลวิจัยที่เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆเรียกเก็บภาษีเนื้อแดง ทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อแกะ รวมไปถึงเนื้อแปรรูปลชนิดต่างๆ เนื่องจากมีผลการวิจัยที่่ระบุว่าเนื้อเหล่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐต้องรับภาระทางงบประมาณด้านสาธารณสุข

วิจัยดังกล่าวระบุว่า การรับประทานเนื้อแดงจำพวกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดอุดตัน และโรคเบาหวาน โดยคาดว่าภาษีลักษณะดังกล่าวสามารถช่วยลดการบริโภคเนื้อสัตว์ได้ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ต่อประชากรหนึ่งคนในประเทศที่ร่ำรวย และจะส่งผลให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลไปได้ปีละ 1.3 ล้านล้านบาท

ซึ่งสำหรับประเทศอังกฤษนั้น วิจัยดังกล่าวได้แนะนำว่าควรเก็บภาษีเนื้อแดงที่ราว 14% และอีก 79% ของภาษีเนื้อแปรรูป หรือเก็บในอัตรา20 เปอร์เซนต์ และ 110 เปอร์เซนต์สำหรับเนื้อแดงแปรรูป เช่น เบคอน หรือ ไส้กรอก จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตของประชาชนได้ปีละกว่า 2 แสนคน และมีเงินเข้ารัฐมากกว่า 130 พันล้านปอนด์ หรือราว 5.6 ล้านล้านบาท

ด้านนาย Marco Springmann หัวหน้าทีมวิจัยดังกล่าวระบุว่า "ไม่มีใครต้องการให้รัฐบาลไปยุ่งกับปชช.ว่า อาหารแบบไหนควรกิน หรือไม่ควรกิน แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันรัฐรับภาระค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากการบริโภคเนื้อแดงอย่างมาก และสร้างภาระให้กับผู้เสียภาษีทุกคน"

"ข้อเสนอดังกล่าวจึงไม่ใช่ห้ามประชาชนบริโภค แต่เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้กับส่วนรวมมากว่า เพราะการบริโภคเนื้อล้วนเป็นพฤติกรรมความชอบของแต่ละคน"

อย่างไรก็ดี ข้อเสนอดังกล่าวก็มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยโดยระบุว่า การเก็บภาษีอาหารเหล่านี้ จะส่งผลให้รัฐบาลไม่ต่างจากรัฐพี่เลี้ยง ที่ต้องค่อยชี้นำประชาชนว่าอะไรควรหรือไม่ควรทาน อีกทั้งจะเป็นการเพิ่มค่าครองชีพให้กับประชาชนโดยไม่จำเป็น ซึ่งกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วงกว่าคือคนที่มีรายได้น้อยจะไม่สามารถบริโภคเนื้อได้อย่างเท่าเทียม