posttoday

แพแตก-คอร์รัปชั่นป่วน จุดจบ 6 ทศวรรษ"อัมโน"?

23 กันยายน 2561

"อัมโน"ถึงคราวต้องสั่นคลอน และอาจเลวร้ายถึงขั้นปิดฉากพรรคเก่าแก่ที่ครองอำนาจทางการเมืองมาเลเซียมานานกว่า60ปี

"อัมโน"ถึงคราวต้องสั่นคลอน และอาจเลวร้ายถึงขั้นปิดฉากพรรคเก่าแก่ที่ครองอำนาจทางการเมืองมาเลเซียมานานกว่า60ปี

*****************************

โดย...จุฑามาศ เนาวรัตน์

นับตั้งแต่แนวร่วมพรรครัฐบาล บีเอ็นที่นำโดยพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ภายใต้อดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งแรกให้กับ ปากาตัน ฮาราปัน แกนนำแนวร่วมฝ่ายค้านที่นำโดย มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน รากฐานที่แข็งแกร่งของอัมโนก็ถึงคราวต้องสั่นคลอน และอาจเลวร้ายไปถึงขั้นที่ว่าไม่ช้าก็เร็ว ทั่วโลกอาจได้เห็นการปิดฉากพรรคเก่าแก่ที่ครองอำนาจทางการเมืองมาเลเซียมายาวนานกว่า 60 ปี

ยังไม่ทันได้ตั้งตัว คลื่นแห่งความปั่นป่วนระลอกใหญ่ต่อการจากแพ้เลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือน พ.ค. 2018 ก็ได้ซัดเข้าสู่เส้นทางของอัมโนอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการปราบทุจริตมาเลเซีย (เอ็มเอซีซี) พบหลักฐานว่า นาจิบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย (วันเอ็มดีบี)มูลค่ากว่า 2,600 ล้านริงกิต (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) และล่าสุดนาจิบถูกอัยการตั้งข้อหาเพิ่มอีก 25 ข้อหารวด เกี่ยวกับการฟอกเงินและการใช้อำนาจในทางมิชอบ แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกไป พร้อมยืนยันเหมือนครั้งที่ผ่านมาว่า “ผมไม่ได้โกง”

จนถึงวันนี้ ความไม่แน่นอนในชะตากรรมของอัมโนก็เริ่มขยายชัดขึ้น เพราะนับตั้งแต่อัมโนต้องพลิกขั้วกลายมาเป็นพรรคฝ่ายค้าน สมาชิกของพรรค 5 คน ก็ได้ทิ้งเก้าอี้ลาออกจากพรรคไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนถึงกับออกโรงเตือนว่า การล่มสลายของอัมโน
อาจทำให้มาเลเซียกลายเป็นประเทศที่มีระบบพรรคการเมืองแบบพรรคเดียว

แพแตก-คอร์รัปชั่นป่วน จุดจบ 6 ทศวรรษ"อัมโน"? มหาเธร์ โมฮัมหมัด

สมาชิกตบเท้าแห่ลาออก

ทั้งนี้ หัวหอกสำคัญซึ่งอยู่คู่อัมโนมายาวนานกว่า 40 ปี อย่าง มุสตาปา โมฮัมหมัด อดีตรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซีย ได้ประกาศลาออกจากพรรคเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมุสตาปาให้เหตุผลแบบสั้นๆ แต่ฮุกหมัดตรงประเด็นว่า ตั้งแต่แพ้การเลือกตั้งมา พรรคอัมโนไม่เคยแม้แต่พยายามที่จะฟื้นฟูให้พรรคกลับมาทรงอำนาจเช่นเดิม ขณะที่สังคมกำลังจับตาว่าอนาคตของมุสตาปาจะไปอยู่กับรัฐบาลใหม่หรือไม่ เนื่องจากมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับมหาเธร์

ภายหลังจากการประกาศลาออกของมุสตาปาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อัมโนก็ต้องเผชิญกับอาฟเตอร์ช็อกอีกครั้ง เมื่อ อานิฟะห์ อามาน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ได้ประกาศขอลาออกจากพรรคเช่นกัน

“อัมโนกำลังทุกข์ทรมานจากคู่ต่อสู้ที่เข้ามาประชิดตัว และการลาออกของสมาชิกพรรคอาวุโส เช่น มุสตาปา และอานิฟะห์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากมากที่อัมโนจะรักษาความแข็งแกร่งและความทรงอำนาจของพรรคเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าอัมโนจะยังคงมีสมาชิกพรรคมากกว่าบรรดาพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่าในตอนนี้มีสมาชิกหลายคนที่อยากจะลาออก ซึ่งปัญหานี้ก็ส่งผลต่อพรรคปาส พรรคแนวร่วมของอัมโนเช่นกัน” อาหมัด อาโทรี ฮุสเซนนักวิเคราะห์การเมือง กล่าว

ด้านมหาเธร์ หนึ่งในอดีตผู้นำพรรคอัมโน และยังมีความสนิทชิดเชื้อกับสมาชิกอัมโนหลายคน ได้แสดงความคิดเห็นต่อการลาออกของมุสตาปาอย่างมีนัยแอบแฝงว่า มุสตาปาลาออกเพราะตระหนักได้ว่าอัมโนนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว แม้ว่าการลาออกในครั้งนี้จะช้าไปก็ตาม และหากมุสตาปาต้องการเข้าร่วมพรรครัฐบาล เขาต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ใช่มุสตาปาคนเดิมที่เคยอยู่กับอัมโน

ปูทางอนาคตให้อันวาร์

สถานการณ์ที่อัมโนต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ทำให้คนมองการณ์ไกลอย่างมหาเธร์ก็ไม่ได้นิ่งเฉย การฉวยใช้โอกาสในช่วงที่อัมโนกำลังระส่ำระสายมาวางแผนเพื่อปูทางให้ อันวาร์ อิบราฮิม ผู้ที่ไม่ใช่ทั้งมิตรแท้และศัตรูถาวรของมหาเธร์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซียแทนตนในอีก 2 ปีข้างหน้าตามแผนที่วางไว้ก็ได้เริ่มปรากฏขึ้น

อาวาง อัซมาน รองศาสตราจารย์จากสถาบันมาเลเซียศึกษา มหาวิทยาลัยมาลายา วิเคราะห์เอาไว้ว่า มหาเธร์อาจกำลังชักจูงให้สมาชิกของอัมโนที่ลาออกจากพรรคเข้ามาเป็นพันธมิตร เพื่อทำให้เส้นทางการก้าวขึ้นสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียของอันวาร์นั้นราบรื่นมากขึ้น

“คณะบริหารงานจำเป็นต้องมีบุคคลคุณภาพ ฉะนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่า มหาเธร์กำลังเชิญชวนให้สมาชิกพรรคอัมโนซึ่งเคยบริหารประเทศมายาวนานหลายทศวรรษเข้าร่วมพรรครัฐบาล ซึ่งไม่แน่ว่ามหาเธร์อาจจะไม่พอใจกับคณะรัฐบาลปัจจุบันของเขา และจะแทนที่ด้วยคนที่มีคุณภาพมากกว่า ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงให้อันวาร์เห็นว่า มหาเธร์คือผู้นำที่แข็งแกร่ง” อาวาง กล่าว

แพแตก-คอร์รัปชั่นป่วน จุดจบ 6 ทศวรรษ"อัมโน"? อันวาร์ อิบราฮิม

แนวร่วมสัมพันธ์ร้าว

ปัญหาของอัมโนยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะตั้งแต่แพ้การเลือกตั้งมา สถานการณ์ระหว่างอัมโนและพรรคแนวร่วมอย่างพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย หรือพรรคปาส อีกหนึ่งพรรคใหญ่ในการเมืองมาเลเซียที่มีฐานเสียงส่วนมากเป็นชาวมลายูทางตอนเหนือของประเทศก็ดูจะไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้ว่าในระดับแกนนำอาจจะมีการรวมตัวกันอย่างแน่นเหนียว แต่ในสมาชิกระดับรากหญ้ากลับไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

อาหมัด ระบุว่า ฝ่ายต่างๆ นั้นขัดแย้งกันมาหลาย 10 ปีแล้ว สมาชิกระดับรากหญ้าจากทั้งอัมโนและปาสต่างมีความบาดหมางซึ่งกันและกัน ผู้นำของทั้งสองพรรคจึงไม่ควรที่จะมองว่าสมาชิกเหล่านี้จะปิดหูปิดตาปฏิบัติไปตามทิศทางที่สมาชิกพรรคระดับผู้นำเป็นคนสั่งการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่อัมโนไม่มั่นคงเช่นนี้

จ่อปฏิรูปอัมโน

จากเหตุการณ์ทั้งหมดคงไม่สามารถทำให้อัมโนหลีกหนีความเป็นจริงไปได้ว่า ทิศทางอนาคตของพรรคอาจกำลังเดินถอยหลังเข้าสู่ฉากอวสานอย่างแท้จริง สถานการณ์ในขณะนี้สุ่มเสี่ยงจนถึงขั้นทำให้ ดาตุก เซรี โมฮัมหมัด ฮาซาน ประธานพรรคอัมโน ออกมายอมรับว่า อัมโนในขณะนี้กำลังดำเนินไปอย่างไร้ทิศทางจริงๆ นับตั้งแต่แพ้การเลือกตั้ง

“ผมยอมรับว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา กระบวนการกำหนดทิศทางและปฏิรูปพรรคอัมโน ครั้งที่ 14 นั้นไม่มีความก้าวหน้าใดๆ สถานการณ์เช่นนี้สร้างความรู้สึกไม่สบายใจและความไม่แน่นอนต่อทุกฝ่าย ดังนั้น ต่อจากนี้ผมอยากจะเน้นย้ำว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและรวดเร็วที่สุด เพื่อทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่า อัมโนไม่ใช่พรรคการเมืองที่ไร้ทิศไร้ทาง” โมฮัมหมัด กล่าว

ท้ายที่สุดแล้ว นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า มาเลเซียอาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ไปสู่ระบบการเมืองที่ไม่มีพรรคฝ่ายค้าน (ที่แข็งแกร่งพอ) เพราะอัมโนที่กำลังแพแตกและกำลังถูกตามคิดบัญชีจากคดีคอร์รัปชั่นวันเอ็มดีบี นี่อาจเป็นเรื่องดีสำหรับรัฐบาลใหม่ที่ต้องการเข้ามาแก้ปัญหา และเปลี่ยนแปลงประเทศตามที่เคยหาเสียงไว้สำหรับคนมาเลย์ทุกเชื้อชาติ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้เช่นกันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นสิ่งที่ดีต่ออนาคตของมาเลเซียในระยะยาวอย่างแท้จริง หรือไม่

ภาพ เอเอฟพี