posttoday

สหรัฐ-ตุรกีเดือดหนัก! หลังขัดแย้งทางการเมือง

12 สิงหาคม 2561

สหรัฐ-ตุรกีขัดแย้งหนัก จากประเด็นพิพาทการเมือง ด้านทรัมป์กดดันเพิ่ม-ประกาศขึ้นภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม

สหรัฐ-ตุรกีขัดแย้งหนัก จากประเด็นพิพาทการเมือง ด้านทรัมป์กดดันเพิ่ม-ประกาศขึ้นภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม

ประธานาธิบดี เรเซป เตยิป เออร์โดอาน ของตุรกี เตือนว่าพันธมิตรระหว่างสหรัฐและตุรกีเสี่ยงถึงจุดแตกหัก ขณะที่สองชาติกำลังขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงขึ้น และหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากตุรกี

เออร์โดอานระบุในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ว่า ข้อพิพาทระหว่างสองชาติมาถึงจุดแตกหัก จากกรณีตุรกีควบคุมตัวบาทหลวงสหรัฐต้องสงสัยก่อรัฐประหารปี 2016 ความไม่ลงรอยเรื่องซีเรีย การคว่ำบาตรของสหรัฐต่อเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของตุรกี และล่าสุดจากมาตรการภาษี

ทั้งนี้ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกีเพิ่มเป็น 50% และ 20% ตามลำดับวานนี้ โดยจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. พร้อมเสริมว่าสหรัฐกับตุรกีมีความสัมพันธ์ไม่ดีนักในขณะนี้

หลังการประกาศดังกล่าว กระทรวงการค้าตุรกีโจมตีว่าการขึ้นภาษีของสหรัฐละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) พร้อมเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติตามกฎสากล โดยเหล็กเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 4 ของประเทศ ขณะที่ตุรกีส่งออกเหล็กไปสหรัฐมากสุดอันดับ 6

นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างสองชาติฉุดค่าเงินลีราของตุรกีร่วงหนักต่อเนื่อง โดยรอยเตอร์สรายงานว่า ค่าเงินลีราปรับลง 18% ระหว่างการซื้อขายวานนี้ นับเป็นการลดลงในรอบวันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในตุรกีปี 2001 และส่งผลให้เงินลีราปรับลงมาแล้วกว่า40% นับตั้งแต่ต้นปีนี้

ขณะที่เออร์โดอานเรียกร้องให้ชาวตุรกีเทขายเงินดอลลาร์และทองคำเพื่อพยุงค่าเงินในประเทศ โดยย้ำว่าตุรกีจะไม่ยอมแพ้ต่อสงครามเศรษฐกิจครั้งนี้

ขณะเดียวกัน ความวิตกต่อสถานการณ์ในตุรกียังเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลง 196.09 จุดเมื่อคืนวันศุกร์ เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กที่ปรับลง 0.71% และ 0.67% ตามลำดับ

ซีเอ็นบีซีรายงานอ้างนักวิเคราะห์หลายรายว่า แม้แรงเทขายเงินลีรามีแนวโน้มส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในสัปดาห์หน้า แต่สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะไม่ก่อวิกฤตในระบบการเงินและระบบธนาคารโลก

ภาพ เอเอฟพี