posttoday

'ทรัมป์' แย้มพร้อมกลับเข้าTPPอีกครั้ง

14 เมษายน 2561

ผู้นำสหรัฐเผยพร้อมเข้าร่วมทีพีพี หากได้ข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ต่อประเทศ สั่งทีมการค้าเร่งเปิดโต๊ะเจรจา

ผู้นำสหรัฐเผยพร้อมเข้าร่วมทีพีพี หากได้ข้อเสนอที่เอื้อประโยชน์ต่อประเทศ สั่งทีมการค้าเร่งเปิดโต๊ะเจรจา

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐจะยอมกลับไปเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (ทีพีพี) อีกครั้ง หากได้ข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐมากกว่าข้อตกลงเดิมที่สหรัฐเข้าร่วมตั้งแต่ปี 2551 ในสมัยของนายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดี หลังสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยอ้างว่าไม่ได้รับข้อตกลงที่เป็นประโยชน์เพียงพอต่อประเทศ

ทั้งนี้ การเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังนายทรัมป์มีคำสั่งให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายลาร์รี คัดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ให้เปิดการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่กับชาติทีพีพี

ด้าน นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ระบุว่า ญี่ปุ่นพร้อมต้อนรับสหรัฐ หากสหรัฐตัดสินใจกลับเข้าร่วมทีพีพีอีกครั้ง แต่นายอาโสะเสริมว่า นายทรัมป์มักเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้เสมอ จึงอาจเปลี่ยนแปลงแผนการตัดสินใจดังกล่าวอีกในอนาคต ขณะที่นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ ระบุว่า หากสหรัฐต้องการเข้าร่วมทีพีพีจริง ชาติสมาชิกอาจต้องเริ่มเจรจาปรับข้อตกลงใหม่ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีน ที่จะเรียกเก็บภาษี 25% คิดเป็นมูลค่าถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.1 ล้านล้านบาท) เร็วสุดภายในสัปดาห์หน้า ไม่กี่สัปดาห์หลังสหรัฐเปิดเผยรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,300 รายการ ที่จะเรียกเก็บภาษี 25% คิดเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า รายชื่อสินค้ามูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ดังกล่าวคาดว่าจะรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย อาทิ เสื้อผ้า โทรศัพท์ และรองเท้า ซึ่งเป็นประเภทสินค้าที่ไม่รวมอยู่ในรายชื่อสินค้ามูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์

แหล่งข่าวเสริมว่า นอกเหนือจากรายชื่อสินค้าเข้าข่ายถูกเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลังของสหรัฐกำลังร่างมาตรการกีดกันไม่ให้นักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุนในภาคเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐ ไม่ว่าจะผ่านการควบรวมกิจการหรือการตั้งบริษัทร่วมค้า โดยทางกระทรวงกำลังถกเถียงว่าอาจจะให้การกีดกันการลงทุนดังกล่าวเป็นมาตรการถาวร แม้จีนจะเริ่มเปิดกว้างทางตลาดในอนาคตแล้วก็ตาม ขณะที่ทางกระทรวงคาดว่าจะร่างมาตรการเสร็จสมบูรณ์ภายในต้นเดือน มิ.ย.นี้