posttoday

นางฟ้าผู้พิทักษ์ "จิเซล บุนด์เชน"

11 กุมภาพันธ์ 2561

อดีตนางแบบอันดับหนึ่งของโลก "จิเซล บุนด์เชน" ใช้ชื่อเสียงของเธอเพื่อปลุกจิตสำนึกของผู้คนเกี่ยวกับการปกป้องโลก

โดย...เพ็ญแข สร้อยทอง

ปลายปีที่แล้ว เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อนุญาตให้นักล่าสัตว์สามารถนำซากช้างป่าและอวัยวะของช้างป่า ซึ่งเป็นการล่าเพื่อการกีฬาจากซิมบับเวและแซมเบีย อย่างเช่น งาช้าง เข้าสู่สหรัฐได้ ตามหลังมาคือ เสียงต่อต้านจากทุกภาคส่วน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจระงับคำสั่งอนุญาต

หนึ่งในผู้ที่ออกมาต่อต้านครั้งนั้นรวมถึง จิเซล บุนด์เชน ซูเปอร์โมเดลสาวชาวบราซิล ซึ่งมีตำแหน่งเป็นทูตสันถวไมตรีด้านสิ่งแวดล้อมขององค์การสหประชาชาติ

"มันไม่ยุติธรรมเลยที่จะฆ่าสัตว์ ซึ่งไม่มีอันตรายเพื่อใช้ชิ้นส่วนของมันมาเป็นเครื่องประดับตกแต่ง หรือที่แย่กว่านั้นคือ เป็นรางวัลเพื่อตอบสนองอัตตา หรือความภาคภูมิใจของใครบางคน

"ถ้าเราต้องการอนาคตที่ดีกว่า เราต้องดูแลสัตว์ป่า เมื่อคุณทำร้ายสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง คุณจะทำร้ายพวกมันทั้งหมด รวมทั้งมนุษย์ด้วย เพราะเราเชื่อมต่อกัน"

สิ่งที่ได้พบเห็นสัมผัสทำให้ จิเซล รู้สึกหัวใจสลายที่สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะพืชพันธุ์ สัตว์ป่า ธรรมชาติทั้งหลายนั้นต้องเผชิญกับภาวะเสี่ยงสูญสลาย เพราะน้ำมือมนุษย์

"ฉันเชื่อว่า ความรู้คือ พลัง และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะยุติการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายทั้งหมด ก่อนที่ทางเลือกจะไม่ได้อยู่ในมือเรา"

อดีตนางแบบอันดับหนึ่งของโลก จิเซล บุนด์เชน ใช้ชื่อเสียงของเธอเพื่อปลุกจิตสำนึกของผู้คนเกี่ยวกับการปกป้องโลก

นางฟ้าผู้พิทักษ์ "จิเซล บุนด์เชน"

เธอเติบโตในบราซิล ได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติ รวมทั้งมองเห็นการทำลายป่า ส่งผลกระทบ ต่อชุมชนรอบข้าง ภายหลัง จิเซล มีส่วนร่วมในการทำงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เธอเดินทางไปเยือนชนเผ่าอินเดียน ซึ่งอาศัยอยู่ตามลำน้ำซิงกู โดยเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำอเมซอน ในภาคตะวันออกของป่าฝนอเมซอน

ครั้งนั้น จิเซล ได้เห็นปัญหาที่ชาวเผ่าประสบเนื่องจากมลพิษทางน้ำและการตัดไม้ทำลายป่า

"นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ เป็นจุดหักเหที่สำคัญสำหรับฉันที่ต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้นในด้าน สิ่งแวดล้อม คนพื้นเมืองประสบปัญหามากมายเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า และการขยายตัวของชุมชน สิ่งต่างๆ เช่น ปรอทจากการทำเหมืองแร่และสารกำจัดศัตรูพืชถูกล้างลงไปในแม่น้ำ เป็นพิษต่อ น้ำจืด และก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพมากมายสำหรับชนเผ่า พวกเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำและปลาในแม่น้ำ นี่จึงทำให้แหล่งชีวิตอันมีค่าของพวกเขาถูกทำลาย ฉันต้องทำอะไรเพื่อช่วย"

หลังจากนั้นอดีตนางฟ้าวิคตอเรียซีเครทก็ได้ทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตรองเท้า ทำให้ผู้คนสนใจต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการด้านป่าไม้และน้ำในพื้นที่ป่าฝนอเมซอนและป่าแอตแลนติกในบราซิล

ในปี 2008 เธอกลับไปบ้านเกิดเพื่อเปิดตัวโครงการน้ำสะอาด ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และส่งเสริมการฟื้นฟูพืชพันธุ์ชายฝั่ง รวมทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำของภูมิภาค หนึ่งในงานของโครงการคือ การปลูกต้นไม้ราว 4 หมื่นต้น

เธอยังมีบล็อก "สีเขียว" ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สะท้อนประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เราสามารถทำอะไรได้บ้าง" จิเซล ได้เปิดตัวหนังการ์ตูนชื่อ "จิเซลและทีมงานสีเขียว" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้สาวๆ ร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ในเดือน พ.ค. ปี 2009 เธอเป็นเจ้าภาพจัดงานประจำปีของ Rainforest Alliance เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในปี 2014 เธอได้กลายเป็นสมาชิกคณะกรรมการของสถาบัน

ความพยายามทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของ จิเซล ได้รับการยอมรับจากหลายสถาบัน นับตั้งแต่ จิเซล รับตำแหน่งทูตสันถวไมตรีของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ในปี 2009 เป็นต้นมา เธอก็ทำให้คนหันมาสนใจเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เธอได้ทำงานแคมเปญต่างๆ รวมทั้งทำภารกิจภาคสนามในบราซิลและเคนยา

นางฟ้าผู้พิทักษ์ "จิเซล บุนด์เชน"

จิเซล ยังมีส่วนร่วมใน Years of Living Dangerously ภาพยนตร์สารคดีเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งได้รับรางวัลเอ็มมี่สาขาสารคดีหรือสารคดีชุดพิเศษ โดยเธอพาผู้ชมเดินทางไปอเมซอน (อีกครั้ง) เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการคุกคามป่าฝน และผลที่ตามมาซึ่งมีกระทบต่อโลกและทุกๆ คน

"ป่าฝนอเมซอนมีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลสภาพภูมิอากาศของโลก ป่าไม้กรองคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากในบรรยากาศของเรา มันทำหน้าที่เป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับโลกของเรา โดยการปล่อยไอ และสร้างฝน ป่าอเมซอนเป็นที่ตั้งของความหลากหลายทางชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลที่ตามมาของการไม่มีป่าฝนนั้นเป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงเลยทีเดียว"

หลังจากที่เธอส่งสารถึงประธานาธิบดี ผู้นำบราซิลก็ประกาศแผนการปกป้องป่าอเมซอนออกมา และในปีที่แล้ว จิเซล ก็ไปช่วยนักสิ่งแวดล้อม พอล ฮอว์ค โปรโมทหนังสือ Drawdown ซึ่งเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน และวิธีการลดภาวะโลกร้อน โดยอิงจากวิทยาศาสตร์

"สิ่งสำคัญคือ เราต้องเปิดใจให้กว้าง รับข้อมูลต่างๆ เสมอ การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันของเรา ถ้าแต่ละคนมีความตระหนักมากขึ้น เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโลก สุขภาพของเราขึ้นอยู่กับสุขภาพของดาวเคราะห์ดวงนี้ ซึ่งเป็นบ้านเดียวที่เรามี"

แม้ภารกิจชีวิตในฐานะคุณแม่ลูกสอง และภรรยาคนเก่งของ ทอม เบรดี นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับแนวหน้าจะทำให้ จิเซล บุนด์เชน มีตารางที่แน่นขนัด แต่เธอยังคงมีเวลาเสมอสำหรับการทำงานเพื่อ สิ่งแวดล้อมและโลก