posttoday

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 6

10 ธันวาคม 2560

กระจ่างความรู้จากพิพิธภัณฑ์เสาไม้แล้วก็เดินกลับขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังสวนสาธารณะ Tateishi

กระจ่างความรู้จากพิพิธภัณฑ์เสาไม้แล้วก็เดินกลับขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังสวนสาธารณะ Tateishi ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นวิวเมืองและทะเลสาบซูวะได้ชัดเจน ที่สำคัญคือ เป็นหนึ่งในฉากสำคัญของแอนิเมชั่น Your Name รู้เช่นนี้แล้วมีหรือที่จะพลาด หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวทะเลสาบซูวะในช่วงปีที่ผ่านมาล้วนต้องแวะขึ้นมาบนนี้เพื่อบันทึกภาพสักครั้ง อย่างแรกที่ต้องทำคือ หาภาพจากอนิเมะแล้วก็เดินไปยังตำแหน่งที่มองผ่านกล้องหรือมือถือที่ตรงกับในภาพมากที่สุด แล้วก็ถ่ายๆๆ ให้หนำใจ เชื่อมั้ยครับว่าเป็นการถ่ายรูปวิวที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต วิวเดียวมุมเดียวเกือบชั่วโมง นี่แหละครับความแรงของ Your Name พอหนังมันเข้าไปอยู่ในใจคนดูแล้วอะไรที่เกี่ยวเนื่องมันถูกดึงขึ้นไปด้วยหมด เสียดายหนังไทยละครไทยหลายเรื่องที่ก็หอบหิ้วมาถ่ายกันที่ญี่ปุ่นร่วมสิบเรื่องใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถสร้างกระแสการตามรอยสถานที่ถ่ายทำได้เท่ากับแอนิเมชั่นเรื่องนี้ หรือคนไทยจะไม่อินอันนี้ก็ต้องให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นไปหาสาเหตุกันต่อไป

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 6

ตำแหน่งที่ตรงกับในฉากอนิเมะจะมองเห็นทะเลสาบเต็มตาและมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ ถ้าเป็นในหนังก็จะเห็นเป็นวงรี 2 วง วงแรกคือ ทะเลสาบซูวะ อีกวงคือ สนามหญ้าสีเขียวจากสวนทะเทะอิชิ ทั้งสองวงเมื่อเชื่อมต่อกันก็จะกลายเป็นเครื่องหมาย Infinity และในความเป็นจริงอาคารสูง 2 ตึก ขยับจากกลางภาพไปทางซ้ายเล็กน้อยที่เห็นในอนิเมะก็คือ โรงแรม Beniya ที่เราพักเมื่อคืนนั่นเอง มันก็จะอินๆ หน่อยเวลาพักที่นี่เพราะเอาไปคุยได้ว่า นอนโรงแรมในการ์ตูนที่มีอยู่จริง  นอกจากมุมนี้แล้วยังมีอีกหลายมุมที่ปรากฏอยู่ในอนิเมะ แต่ด้วยเวลาอันจำกัด (เพราะมุมเดียวซัดไปเกือบชั่วโมง) เลยต้องรีบไปเพราะมีนัดอีกแห่งไว้ ตรงที่จอดรถมีห้องน้ำสาธารณะและใกล้ๆ กันมีหอนาฬิกาตั้งอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องราวที่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟัง หอนาฬิกาแห่งนี้ก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจ พอดีว่าเป็นหอนาฬิกาที่บริษัท

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 6


ไซโก้ (Seiko) สร้างไว้ให้ และก็เพราะว่าที่เมืองซูวะนี้เป็นสถานที่ที่บริษัท ไซโก้ เลือกตั้งโรงงานอันเนื่องมาจากเป็นเมืองที่สงบเงียบ นายช่างจะได้มีสมาธิในการประกอบนาฬิกาเหมือนกับแบรนด์ดังๆ ของสวิสที่มีโรงงานประกอบแถวทะเลสาบเจนีวา อีกทั้งแถบนี้มีอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ฝุ่นผงในอากาศมีน้อยเป็นผลดีต่อการประกอบนาฬิกา เขาคิดกันถึงขนาดนี้ถึงมีชื่อเสียงในระดับโลกได้ และผลพวงจากการผลิตนาฬิกาทำให้ไซโก้ก่อตั้งบริษัทลูกและผลิตเครื่องพิมพ์เวลาเพื่อใช้ร่วมกับนาฬิกาจับเวลาสำหรับโตเกียวโอลิมปิกในปี 1964 และเริ่มผลิต Electronic Printer ในปี 1968 จากนั้นก็พัฒนามาโดยตลอดและเปลี่ยนชื่อกลายร่างมาเป็นแบรนด์ Epson ที่ใครๆ รู้จักกันนั่นเอง (คำว่า Epson มีที่มาจาก E-P-Son หรือ Son on Eletronic Printer) ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า อากาศบริสุทธิ์จะเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับแมคคานิคและอิเล็กทรอนิกส์ไปได้

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 6

เราอำลาเมืองซูวะไปอย่างน่าเสียดาย เพราะมีเวลาน้อยเกินไป และยังมีอะไรที่น่าสนใจอยู่อีกมาก แต่ทุกงานเลี้ยงย่อมมีเลิกรา ข้างหน้ายังมีคนรอเราอยู่ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าสู่เมืองอินะเพื่อไปกินข้าวกลางวัน จุดหมายปลายทางเที่ยงวันนี้อยู่ที่ Ina Ski Resort แต่ไม่ได้ไปเล่นสกีนะครับเพราะเดือนตุลาที่เรามากันนี้ยังไม่มีหิมะ ทางสกีรีสอร์ทเขามีฟาร์มเห็ดที่ด้านข้างของลานสกี ในหน้าร้อนเขาปรับเปลี่ยนกิจกรรมจากสกีเป็นล่องแก่ง เดินป่า  หรือถ้าใครอยากขึ้นมากินข้าวเขาก็มีบาร์บีคิวไว้บริการ เพราะวิวบนลานสกีนี่สวยเอาเรื่องอยู่ กินไปชมวิวไปได้บรรยากาศดีเหมือนกัน เมนูหน้าร้อนที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือบาร์บีคิวเห็ด กรรมวิธีก็ง่ายๆ เดินไปที่ฟาร์มเห็ดแล้วก็เลือกเก็บเห็ดที่อยากกินมาให้มากเท่าที่ต้องการ เห็ดมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด เพาะเลี้ยงเป็นแถวๆ อยู่ในกรีนเฮ้าส์ 2 หลัง มี Shitake หรือเห็ดหอม และเห็ด Hiratake อยู่ในหลังแรก หลังที่สองมีเห็ดเป๋าฮื้อ Awabi และเห็ดนางรมสีทองTamogi ราคาก็อยู่ที่ราวๆ 190-250 เยน ต่อ 100 กรัม หรือจะกินเป็นคอร์สที่เขาจัดไว้ให้แล้วก็สะดวกดีราคาแค่หัวละ 2,000 เยน มีทั้งเห็ดและเนื้อสัตว์ให้กินกันอิ่ม เราเลือกแบบคอร์สเพราะง่ายไม่ต้องคิดเยอะ มีเห็ดมาให้ 3 ชนิด ขาดแค่เห็ดฮิราตาเกะ แต่เท่านี้ก็เยอะและถูกใจมากแล้วเพราะมาทั้งแท่งเพาะที่ยังมีเห็ดงอกอยู่ ทางร้านมีกรรไกรมาให้เราตัดหรือจะเด็ดด้วยมือก็แล้วแต่ชอบ มันสนุกตรงนี้นี่เอง จุดไฟ เหยาะน้ำมันลงบนแผ่นฟอยล์ที่หุ้มบนกระทะย่างให้ทั่ว อย่าขี้เหนียวเพราะเวลาย่างจะได้ไม่ติด ตัดเห็ดมาค่อยๆวางบนฟอยล์สลับกับเนื้อสัตว์ที่มีทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ และไส้กรอก ต้องระวังอย่าให้ไฟแรงเกินไปจนไหม้ ย่างไปจ้วงไปกินไปสนุกมากแถมวิวดีอีกต่างหาก เป็นมื้อที่ง่ายแต่อร่อยและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างยิ่ง

ไปนอนดูดาวที่ญี่ปุ่น 6

เสร็จจากของคาวก็ต้องไปต่อด้วยของหวาน เราย้ายจากลานสกีลงไปยังพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ของเมืองอินะ แถวนี้มีฟาร์มเกษตรแห่งหนึ่งที่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไม่มากนักชื่อว่า Miharashi Farm ที่นี่ไม่ได้มีแค่การเก็บผลไม้ แต่เป็นศูนย์รวมกิจกรรมหลายอย่างทั้งที่พัก ออนเซน ร้านอาหาร ศูนย์หัตถกรรม และกิจกรรมฝึกทำอาหาร รวมทั้งเก็บผักผลไม้ด้วย เรียกว่ามาที่นี่มีอะไรให้ทำได้ตลอดทั้งวัน แต่วันนี้เราจะมาแค่เก็บผลไม้กัน หลายคนเคยไปเก็บสตรอเบอรี่บ้าง ส้มบ้าง แอปเปิ้ลบ้าง กันมาแล้ว ที่ฟาร์มมิฮาราชิในฤดูนี้มีองุ่นให้เก็บ แต่อย่าเพิ่งร้องยี้ ไม่เหมือนแถวเขาใหญ่แน่นอน ฟาร์มผลไม้ของที่นี่ใหญ่เอาเรื่อง จากอาคารรับรองต้องนั่งรถไปหน่อยหนึ่ง เป็นแปลงองุ่นที่กว้างขวางร่มรื่นพร้อมฉากหลังของเทือกเขายาวสุดปลายตา ดอกซูซูกิชูช่อล้อลมเย็นอันเป็นสัญญาณว่า ฤดูใบไม้ร่วงกำลังมาถึง มีองุ่นมากมายหลายสายพันธุ์ให้เด็ดกิน แถมมีโต๊ะเก้าอี้ปิคนิคไว้บริการจะได้นั่งกินอย่างสะดวก กรรมวิธีก็ไม่ยาก เจ้าหน้าที่ให้กรรไกรมาคนละเล่ม จากนั้นก็เดินตัดพวงที่ชอบ แนะนำว่าถ้ามากันหลายคนให้ตัดกันคนละพันธุ์แล้วมาแลกกันกิน ทางฟาร์มเตรียมกะละมังขนาดใหญ่ไว้ให้ใส่ด้วย ตัดไปตัดมานับรวมได้เป็นสิบสายพันธุ์ Fuji no mori, Nagano purple, Naiyagara, Shina no smile, Pione, North red, Stuben, Sunny rouge, Gorby และที่พลาดไม่ได้ Shine muscut องุ่นสีเขียวลูกโตหอมหวานอบอวลไปทั่วปาก กินครบทุกชนิดแล้วก็ยังยกให้ Shine muscut เป็นที่หนึ่งในใจอยู่เหมือนเดิมครับ

ข่าวล่าสุด

ธ.ก.ส. เปิด “สินเชื่อบำเหน็จตกทอด” 100% ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนาน 40 ปี