posttoday

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา

27 สิงหาคม 2560

ทันทีที่ก้าวพ้นสะพานสารสิน นั่นหมายถึงเราได้ก้าวเข้าสู่ จ.พังงา กันแล้ว การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้หวังจะท่องเที่ยวเหมือนใครๆ

โดย...สืบสิน 

ทันทีที่ก้าวพ้นสะพานสารสิน นั่นหมายถึงเราได้ก้าวเข้าสู่ จ.พังงา กันแล้ว การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้หวังจะท่องเที่ยวเหมือนใครๆ แต่ตั้งใจเพียงว่าขอแค่หลุดพ้นมาจากเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย บอกได้เลยว่าช่างสบายนักเมื่อเราได้เดินทางมาเยี่ยมน้องๆ ที่โรงเรียนเยาววิทย์ จ.พังงา ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือให้แก่เด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ รวมไปถึงเด็กๆ ที่ได้รับผลพวงจากโรคร้ายและสถานภาพทางสังคมที่ย่ำแย่ เพื่อเตรียมตัวให้พวกเขาพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต

หลังจากที่เราได้เยี่ยมน้องๆ ที่เปี่่ยมไปด้วยความสุข ความหวัง และรอยยิ้มอันน่าชื่นใจ ปลุกพลังให้เราเดินทางต่อไปเพื่อหามุมสงบทางจิตใจกันที่วัดเทสก์ธรรมนาวา หรือ “วัดป่าไทร” วัดที่สร้างขึ้นจากป่าช้า ทว่างดงามยิ่งนัก

รอยยิ้มอันเปี่ยมสุข ณ โรงเรียนเยาววิทย์

โรงเรียนเยาววิทย์เป็นโรงเรียนประจำสำหรับเด็กผู้ด้อยโอกาสที่มีประวัติทางสังคม ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือให้แก่เด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ รวมไปถึงเด็กๆ ที่ได้รับผลพวงจากโรคร้ายและสถานภาพทางสังคมที่ย่ำแย่ เพื่อเตรียมตัวให้พวกเขาพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต ด้วยความมุ่งหวังว่าการศึกษาที่พวกเขามอบให้จะสร้างโอกาสและเครื่องมือที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความยากจนและเปิดประตูไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา

 

ราวกลางเดือน ม.ค. 2548 เพียงสองสามสัปดาห์หลังจากคลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มชายฝั่ง โรงเรียนเยาววิทย์ก็ได้ถูกสร้างขึ้นบนที่ดินขนาด 137.5 ไร่ ห่างออกไปทางทิศใต้ของหมู่บ้านกะปง เพื่อให้สามารถรองรับนักเรียนประจำ จำนวน 180 คน และนักเรียนไปกลับปกติอีกจำนวน 50 คน

เมื่อโรงเรียนแล้วเสร็จบางส่วน จึงได้จัดให้มีพิธีเปิดส่วนแรกสำหรับนักเรียนประจำไปเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2549 โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธาน จากนั้นในวันที่ 17 ของเดือนถัดมา โรงเรียนก็ได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันโรงเรียนเยาววิทย์เปิดสอนทั้งในระดับอนุบาลและชั้นประถม อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนยังวางแผนสำหรับอนาคตไว้ว่าจะเปิดสอนนักเรียนในระดับมัธยม รวมถึงระดับชั้นที่สูงขึ้นไปอีกด้วย

ด้วยสีหน้าและรอยยิ้มจากการต้อนรับด้วยความเต็มใจของเด็กๆ ที่นี่ ทำให้เรารับรู้ทันทีว่าความเศร้าที่อยู่ในใจของพวกน้องๆ ดูเหมือนจะเลือนหายไป น้องๆ ตั้งใจเรียนและร่วมกิจกรรมทุกอย่างที่โรงเรียนจัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฟ้อนรำ การปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงแกะ และยังเป็นชาวสวนตัวน้อยที่คอยเก็บเกี่ยวผลไม้ประจำฤดูกาล

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา

 

อันที่จริงแล้วด้วยผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ชาวบ้านกะปงจึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ป้อนผลผลิตทางการเกษตรให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะผลไม้ เช่น มังคุด เงาะ และรวมไปถึงทุเรียน ที่นี่มีทุเรียนสายพันธุ์ดี นั่นคือทุเรียนสายพันธุ์สาลิกาที่มีที่ อ.กะปง เท่านั้น

และวันนั้นเราก็โชคดีที่ได้มีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติของทุเรียนพันธุ์นี้ในราคาถูก จากการจัดงานตลาดนัดประจำปีของ อ.กะปง นั่นเอง รสชาติของทุเรียนที่นี่ตามความรู้สึกของผม ผมว่าเป็นทุเรียนที่เอาข้อดีของพันธุ์หมอนทองและชะนีเข้าไว้ด้วยกัน ลูกเล็กๆ เนื้อแน่นหวานกำลังดี ซึ่งน้องๆ จากโรงเรียนเยาววิทย์ก็มีส่วนไปร่วมแสดงกิจกรรมและนำสินค้าอย่างมังคุดและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติอย่างผงขัดตัว ยาดม ยาหม่อง ครีมกันปวดเมื่อย ของดีจากโรงเรียนมาจำหน่ายด้วยความสนุกสนานอีกด้วย

และที่นี่ยังมีห้องพักบังกะโลที่สวยงามในบริเวณโรงเรียน และมีทุกกิจกรรมที่พวกเขานำเสนอสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้งาน ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวที่สนใจช่วยเหลือสังคมไม่ควรพลาด

จากป่าช้า สู่วัดท่าไทร อันงดงาม

ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติ ริมหาดทรายขาวและเงียบสงบ และทิวสนอันพลิ้วไหวริมชายฝั่งอันดามัน ณ บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวัดเทสก์ธรรมนาวา หรือ “วัดป่าไทร” (ชื่อเดิม) ตั้งอยู่ที่บ้านท่าแตง ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นวัดริมทะเลบริเวณหาดชายทะเลท่าไทร

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา

 

ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นป่า เรียก “ป่าท่าไทร” ซึ่งนอกจากจะเป็นป่าของต้นไม้น้อยใหญ่แล้ว ยังเคยเป็น “ป่าช้า” มาก่อน อันเนื่องมาจากในอดีตป่าท่าไทรแห่งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียงเมื่อมีการเสียชีวิตลงก็จะนำศพล่องเรือมาเผาหรือฝังยังป่าท่าไทรแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า “อ่าวเหรว” หรือแอ่งน้ำในป่าช้า

ขณะที่แนวพื้นที่หาดชายทะเลท่าไทรนั้น เป็นแนวป่าสนชายฝั่งทะเลมีชายหาดทอดตัวยาวไกล เป็นหาดที่สงบและสะอาด จึงมีเต่าทะเลต่างๆ ขึ้นมาวางไข่ที่หาดแห่งนี้เป็นประจำ

ในยุคสมัยที่การทำเหมืองแร่ใน จ.พังงา เจริญรุ่งเรือง มีเรื่องเล่าว่า พื้นที่โดยรอบของป่าท่าไทรสามารถทำเหมืองได้หมด ยกเว้นที่ป่าท่าไทร ซึ่งเป็นดังไข่แดงอยู่ตรงกลาง ส่วนจะเป็นเพราะอะไรนั้นไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าเป็นพื้นที่อาถรรพ์ พอถึงยามตะวันตกดิน ชาวบ้านจะรีบเดินทางออกจากป่าท่าไทรก่อนพลบค่ำทันที

จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2533 ได้มีพระชัยพล อาสโภ และพระอานนท์ พระผู้ติดตาม ได้เดินทางเข้ามาบำเพ็ญภาวนา ด้วยเห็นว่าพื้นที่ป่าท่าไทรมีความเงียบสงบ เหมาะต่อการปฏิบัติภาวนา หลังจากนั้นแรงศรัทธาจากชุมชนและในพื้นที่ใกล้เคียงที่รู้ข่าวก็ได้ร่วมใจกันมาสร้างเป็นที่พักสงฆ์ มีการสร้างศาลามุงจาก สร้างกุฏิให้พระจำพรรษา

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 พระอาจารย์เสนอ วัดถ้ำทะเลหอย จ.กระบี่ ได้ขอพื้นที่จากอธิบดีกรมป่าไม้สมัยนั้น อนุมัติให้ใช้พื้นที่ตามโครงการพุทธศาสนากับป่าไม้ ในชื่อโครงการว่า ศูนย์สาธิตพระพุทธศาสนากับป่าไม้ ภายใต้การกำกับดูแลของวัดประชาธิการาม

ปี พ.ศ. 2537 แหล่งปฏิบัติธรรมแห่งนี้ได้ก่อตั้งเป็นสำนักสงฆ์ท่าไทร โดยได้รับการอนุญาตจากทางการ ในเรื่องการขอใช้พื้นที่เพื่อเป็นศาสนสถานในการประกอบศาสนกิจ และบำเพ็ญกุศลของชาวบ้านในหมู่บ้านท่าแตงและละแวกใกล้เคียง ทว่าหลังจากนั้นสำนักสงฆ์ท่าไทรได้ถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีพระภิกษุมาพำนักอยู่ในบางขณะ เนื่องจากสำนักสงฆ์ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ

กระทั่งในปี พ.ศ. 2546 ได้มีการนิมนต์ “พระอาจารย์วินัย รัตนวณฺโณ” หนึ่งในผู้ที่ได้อยู่ปฏิบัติอาจริยวัตรกับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย มาเป็นเวลานาน 16 ปี จวบตนหลวงปู่เทสก์ท่านละสังขาร

พระอาจารย์วินัยเมื่อมาพำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ท่าไทร ก็ได้นำพาศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนก่อสร้างเสนาสนะพร้อมอบรมปฏิบัติธรรมในที่ดินสาธารณประโยชน์หรือป่าช้าเดิม

 

จากนั้นพระอาจารย์วินัยได้ดำเนินการก่อตั้งวัดขึ้น จนกระทั่งได้รับอนุญาตให้สร้างวัดจากกรมการศาสนาเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2553 และได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2553 นามว่า “วัดเทสก์ธรรมนาวา”

วัดเทสก์ธรรมนาวา หรือวัดท่าไทร ปัจจุบันมีสิ่งก่อสร้างสำคัญคือ “พระอุโบสถไม้สัก” ขนาดกว้าง 8.30 เมตร ยาว 23.10 เมตร สูง 13.54 เมตร โบสถ์ไม้สักหลังนี้เป็นอาคารทรงไทยอ่อนช้อยงดงาม โครงสร้างภายนอกจำลองแบบมาจากพระอุโบสถพระอรัญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มาประยุกต์สร้างด้วยไม้ ส่วนช่อฟ้าของโบสถ์แกะสลักจากช่างฝีมือชาวเชียงใหม่

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา

ภายในโบสถ์ไม้สักมีผนังเป็นฝาปะกน มีแท่นพระประธาน ชั้นบนประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แกะสลักจากหินหยกขาว อิทธิพลศิลปะอินเดีย มีขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 55 นิ้ว สูงประมาณ 2.15 เมตร มีพุทธลักษณะที่อ่อนช้อยงดงามเปี่ยมศรัทธา

ส่วนบริเวณรอบโบสถ์ไม้สักมีกำแพงแก้วเป็นไม้ ใบเสมาแกะสลักจากหินหยกขาวมีรูปพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง ตรงบันไดทางเข้าโบสถ์ประดับเสาอโศกสีทองอร่าม

 

โบสถ์ไม้สักวัดท่าไทรมีอีกหนึ่งลักษณะพิเศษ นั่นก็คือจะประดับประดาด้วยงานไม้แกะสลักฝีมือช่างจากอยุธยาอันประณีต อ่อนช้อย ทั้งตามบริเวณบานประตู หน้าต่าง หน้าบัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ โดยเฉพาะที่บานหน้าต่างนั้นโดดเด่นไปด้วยงานแกะสลัก ปรมัตถบารมี 10 ซึ่งเป็นการบำเพ็ญบารมีชั้นสูง การเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นอีกด้วย

แม้ว่าวัดจะอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลอันดามัน แต่เมื่อเขามานั่งในโบสถ์อันงดงามแห่งนี้ ก็ทำให้จิตใจสงบและเบิกบานใจพร้อมสู้ต่อกันแล้วล่ะครับ

ขอขอบคุณ โรงแรมธัญญปุระ รีสอร์ทสุขภาพและกีฬา จ.ภูเก็ต ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล ที่พัก และการเดินทาง โทร. 076-336-000 [email protected]

ชิลชิล 1 วัน ในพังงา


 

ข่าวล่าสุด

EA ตอกย้ำศักยภาพนวัตกรรมพลังงาน คว้า 2 รางวัล Thailand Energy Awards 2024