posttoday

‘บ้านผาหมอน’ นอนกลางนา กินข้าวดอย

12 มกราคม 2562

อย่าปล่อยให้อากาศหนาวผ่านไป แต่ควรตักตวงไว้ก่อนหมดเวลาที่

โดย กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย

อย่าปล่อยให้อากาศหนาวผ่านไป แต่ควรตักตวงไว้ก่อนหมดเวลาที่ จ.เชียงใหม่ ถ้าจะให้หนาวสะใจต้องขึ้นที่สูงอย่าง “บ้านผาหมอน” หมู่บ้านบนดอยที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นถิ่นอาศัยของชาวปกาเกอะญอที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ทั้งปลูกข้าว กุหลาบ ไม้ดอกเมืองหนาว เฟิร์น และพืชผัก ส่งขายไปยังร้านของโครงการหลวง และตลาดใน จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ

อีกมุมหนึ่งชาวบ้านยังเปิดการท่องเที่ยว โดยเริ่มทำอย่างมีระบบตั้งแต่การค้นหาจุดขายด้วยการทำ “วิจัยเพื่อท้องถิ่น” ด้านการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตั้งแต่ปี 2547 เพื่อค้นหาของดีในบ้านตัวเอง

ผลวิจัยครั้งนั้นทำให้ชุมชนได้ข้อมูลพื้นฐาน เช่น วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ และภูมิปัญญาการทำนา จากนั้นได้นำมาสร้างแนวทางการจัดการการท่องเที่ยวที่เหมาะสม ทำให้ชุมชนมีระบบการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ มีการให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ มีมาตรฐาน และมีระบบการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม เช่น ระบบการถือหุ้นในบ้านพักแบมบูพิงค์เฮาส์บ้านพักหลังแรกของกลุ่มท่องเที่ยว มีหุ้นทั้งหมด 400 หุ้น จากจำนวนสมาชิก 70 คน หรือบ้านอิงผาชมดาว มีหุ้นทั้งหมด 1,994 หุ้น จากจำนวนสมาชิก 120 คน

บ้านผาหมอน จึงกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้แก่ชุมชนอื่นๆ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือ การมีกลุ่มด้านการท่องเที่ยวที่เข้มแข็ง มีระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ และมีการกระจายผลประโยชน์ให้แก่คนในชุมชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

‘บ้านผาหมอน’ นอนกลางนา กินข้าวดอย

จุดเด่นของบ้านผาหมอน คือ ธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอซึ่งก็เกี่ยวพันกับธรรมชาติ มีทั้งเส้นทางเดินป่า และกิจกรรมปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านเพื่อเรียนรู้วิถีการทำเกษตร วิถีชาวนากับการทำนาขั้นบันได การปลูกพืชเมืองหนาว อย่างมะเขือเทศ ผัก และไม้ดอก การทำกาแฟ การทอผ้า จักสาน และการเล่นเครื่องดนตรีพื้นเมืองเตหน่ากู

เส้นทางรอบหมู่บ้านเป็นทางปูนแคบ จึงแทบไม่มีรถใหญ่แล่นผ่าน ทำให้ปั่นจักรยานสนุก แต่อาจต้องใช้กำลังขาเป็นระยะ เพราะมีเนินขึ้น-ลง ชันมาก ชันน้อยระหว่างทาง ถึงกระนั้นการปั่นจักรยานก็สนุกกว่า เพราะจะได้โบกมือทักทายเด็กๆ แวะลงไปพูดคุยกับคุณยายที่นั่งปักผ้าอยู่หน้าบ้าน หรือจอดเซลฟี่กับกุหลาบดอกใหญ่ที่ปลูกไว้ริมรั้ว

ตั้งแต่โครงการวิจัยชิ้นแรก ชุมชนผาหมอนมีรายได้จากกิจกรรมท่องเที่ยวสูงถึงปีละ 7 แสนบาทและหลังหักค่าใช้จ่ายชุมชนมีรายได้เหลือเข้าส่วนกลางที่เป็นเงินปันผลกลุ่มผู้ถือหุ้นปีละมากกว่า 2 แสนบาท

ล่าสุด คนบ้านผาหมอนได้ร่วมกันทำวิจัยอีกครั้ง ภายใต้โครงการการจัดการแหล่งเรียนรู้และพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยววิถีชาวนาชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ บ้านผาหมอน โดยมี บุญทา พฤกษาฉิมพลี หรือ พะตีบุญทา เป็นหัวหน้าที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

‘บ้านผาหมอน’ นอนกลางนา กินข้าวดอย

งานวิจัยชิ้นนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดของรัฐบาล ร่วมกับ สกว. ที่นำกระบวนการวิจัยเพื่อท้องถิ่นและการท่องเที่ยวมาเป็นเครื่องมือในการสร้างพื้นที่รูปธรรมของ “การท่องเที่ยววิถีชาวนาไทย” โดยมีเป้าประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย และสร้างความเข้มแข็งของชุมชนผ่านการสร้างคุณค่าของข้าวและวิถีชาวนา นำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจของเกษตรกรไทย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน

สำหรับชาวปกาเกอะญอมีความเชื่อและพิธีกรรมในการปลูกข้าวไม่น้อยกว่า 30 ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเตรียมนา ซึ่งต้องเตรียมให้พร้อมตั้งแต่เดือน ม.ค. ด้วยการหาพื้นที่ที่มีดินดี ต้องเป็นดินร่วนปนทราย และต้องหมุนเวียนกันปลูกเพราะที่นาเป็นของทุกคน

จากนั้นในเดือน เม.ย.-ส.ค. เป็นช่วงการเตรียมเมล็ดพันธุ์ ปล่อยน้ำเข้านา โดยจะมีการเลี้ยงผีฝาย และพิธีต้มเหล้าบือแซะคลี ที่ใช้สำหรับพิธีมัดมือช่วงทำนา จากนั้นจะลงแปลงไถนาเตรียมดิน หมักดิน ปั้นคันนา หว่านข้าว และเมื่อต้นข้าวงอกจากพื้นดินและโผล่พ้นน้ำจะมีพิธีมัดมือ เป็นเสมือนการขอบคุณเทวดาที่อำนวยอาหารมาให้

‘บ้านผาหมอน’ นอนกลางนา กินข้าวดอย

เมื่อข้าวสุกเต็มที่เหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งจะมีประเพณีเอามื้อ หรือลงแขกเกี่ยวข้าว หลังเสร็จสิ้นการเก็บเกี่ยวจะเป็นประเพณีกินข้าวใหม่ และพิธีเรียกขวัญข้าวเพื่อขอบคุณเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองผูกข้อมือ ต้มเหล้า และเลี้ยงผีนา โดยจะเกิดขึ้นราวเดือน ส.ค.

จากนั้นในเดือน ก.ย.-ต.ค.ของทุกปี จะเป็นช่วงที่นาขั้นบันไดโตเต็มที่รอการเก็บเกี่ยว ข้าวจะออกรวงเป็นสีทองอร่ามจนกลายเป็นช่วงเวลาท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของปีไปด้วย

นอกจากนี้ พันธุ์ข้าวที่นิยมกินมีหลายสายพันธุ์ทั้งบือพะโดะ เป็นข้าวเมล็ดใหญ่รสชาติ อร่อย พันธุ์บือโปะโหละ ข้าวเมล็ดกลม มีกลิ่นหอมรสอร่อย จนคนที่ได้กินนำไปเปรียบกับข้าวญี่ปุ่นและข้าวพันธุ์ใหม่ คือ ข้าวพระราชทาน ที่ชาวบ้านได้รับพระราชทานมาเมื่อครั้งไปถวายความเคารพพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

‘บ้านผาหมอน’ นอนกลางนา กินข้าวดอย

กล่าวได้ว่า ตลอดทั้งปีชาวปกาเกอะญอมีวัฏจักรชีวิตคู่กับข้าวและการทำนา ไม่ว่าจะมาเที่ยวบ้านผาหมอนช่วงไหน ก็ได้เรียนรู้เรื่องข้าวได้เมื่อนั้น รวมถึงวิถีชีวิตอื่นๆ ที่ไม่ต้องตระเตรียมอะไรเพิ่มเติม เพราะทุกอย่างคือวิถีดั้งเดิมของชาวบ้านอยู่แล้ว

บ้านผาหมอนมีบริการบ้านพัก 2 หลัง คือ บ้านแบมบูพิงค์เฮาส์ และบ้านอิงผาชมดาว รองรับนักท่องเที่ยวได้หลังละ 15-20 คน ซึ่งเป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้เกิดความแออัดในชุมชนอีกทางหนึ่ง โดยนักท่องเที่ยวต้องจองที่พักล่วงหน้า โทร.08-1166-4344 (องอาจ) หรือสอบถามได้ทางเพจเฟซบุ๊ก บ้านผาหมอน ดอยอินทนนท์