posttoday

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

30 มิถุนายน 2561

ในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่มีความน่าสนใจ ณ เวลานี้ คงต้องยกให้เวียดนาม

โดย...ทีมงาน โลก 360 องศา

ในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่มีความน่าสนใจ ณ เวลานี้ คงต้องยกให้เวียดนาม ประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพทางการเมือง มีอำนาจซื้อ และยิ่งไปกว่านั้นคือ นักธุรกิจหรือพ่อค้ารายย่อยชาวเวียดนามเข้าไปมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้แทบทั้งนั้น ดังนั้น การทำความรู้จักกับเวียดนาม และทำความเข้าใจคนเวียดนามอย่างลึกซึ้ง จึงเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคนไทย แต่การเรียนรู้ในยุคนี้ อาจไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การศึกษาตำราวิชาการเพียงอย่างเดียวเพราะเราสามารถเรียนรู้โลกกว้างผ่านการเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ตรงได้เช่นกัน

ถ้าอยากเข้าใจประวัติศาสตร์ อยากเข้าใจการเมืองของเวียดนาม ก็ควรต้องไปที่ฮานอยสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นปลายทางที่น่าเที่ยวมาก เพราะเป็นเมืองที่มี 4 ฤดูที่เดินทางไปเที่ยวง่ายที่สุดสำหรับคนไทย นอกจากนั้นแล้ว หากได้เดินทางขึ้นเหนือไปยังจังหวัดด้านบนของประเทศ ก็จะเห็นถึงความหลากหลายของชนเผ่าและความงดงามของภูมิประเทศ

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

อย่างไรก็ตาม ฮานอยก็ไม่สามารถบอกเล่าความเป็นเวียดนามได้ทั้งประเทศ เพราะประเทศนี้มีรูปร่างคล้ายตัว “S” ที่ทอดยาวจากเหนือลงใต้ด้วยระยะทางกว่า 1,650 กิโลเมตร ทำให้ทางเหนือกับทางใต้มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งในแง่ของสภาพอากาศ และวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ที่ส่งผลต่อความแตกต่างภายในประเทศเดียวกัน ดังนั้น ถ้าอยากรู้จักอีกครึ่งหนึ่งของเวียดนาม ก็ควรไปเที่ยวที่โฮจิมินห์ซิตี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งที่นั่นคุณจะได้เห็นการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ (ทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค) ยิ่งไปกว่านั้น โฮจิมินห์ซิตี้ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักชิมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารจากร้านค้าข้างทาง แบบฉบับที่เรียกว่า สตรีทฟู้ด (Street Food) จะต้องเพลิดเพลินไปกับการท่องเที่ยวที่เมืองนี้อย่างแน่นอน

หากใครได้ไปทำความรู้จัก ไปทำความเข้าใจกับเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ครบแล้ว ก็ถือว่ารู้จักประเทศนี้กว่า 80 เปอร์เซ็นแล้ว และถ้าใครอยากรู้จักให้ครบทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะไปเที่ยวที่เวียดนามกลางอีกที่หนึ่งด้วย

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

คำว่าเวียดนามกลางก็คือพื้นที่ตรงส่วนกลางของประเทศ บริเวณที่ติดกับลาวและกัมพูชา ทำให้เวียดนามกลางมีความสำคัญไม่แพ้พื้นที่ของเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้เลย โดยเมืองท่าที่เป็นประตูสู่เวียดนามกลางก็คือ เมืองที่ชื่อว่า “Danng” ซึ่งชาวต่างชาติจะออกเสียงว่า “ดานัง” ส่วนคนเวียดนามจะออกเสียงว่า “ด่าหนัง”

ด่าหนัง คือเมืองท่าที่มีความสำคัญมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ในยุคอาณานิคมของฝรั่งเศส และปัจจุบันก็เป็นเมืองพัฒนามากที่สุดของเวียดนามกลาง โดยมีสนามบินนานาชาติ มีท่าเรือ และมีถนนเชื่อมต่อจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งหากจะขับรถไปเองจาก จ.มุกดาหาร ผ่าน สปป.ลาว แล้วเข้าสู่ด่าหนัง ก็สามารถทำได้ภายใน 1 วัน ส่วนเที่ยวบินตรงจากเมืองไทยก็มีบินทุกวัน วันละ 2-3 เที่ยวบิน ซึ่งก็มีบริษัทนำเที่ยวของไทยจำนวนไม่น้อยที่จัดแพ็กเกจท่องเที่ยว เวียดนามกลาง โดยรวมเอาเว้ (Hue) และฮอยอัน (Hoi An) เข้าไว้ด้วยกัน เพราะอีก 2 เมืองที่ว่า เป็นปลายทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงคุ้นหูคนไทยมานานหลายปีแล้ว

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

ด่าหนัง ถูกมองว่าเป็นประตูสู่เวียดนามกลาง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่จะเดินทางจะมาเริ่มต้นที่นี่ และมาพักที่เมืองนี้ ก่อนที่จะไปเที่ยวยังเมืองเว้และฮอยอัน และเดินกลับมาขึ้นเครื่องบินกลับประเทศที่สนามบินด่าหนังอีกครั้ง โดยบางคนไม่ได้มีโอกาสท่องเที่ยวหรือทำความรู้จักด่าหนังเลยด้วยซ้ำไป ทั้งๆ ที่เมืองนี้ก็มีอะไรน่าเที่ยวไม่แพ้กันเลย

เริ่มต้นจากแลนด์มาร์คของด่าหนัง นั่นก็คือ สะพานมังกร (Dragon Bridge) ซึ่งเป็นสะพานยาว 666 เมตร ที่มีการออกแบบและตกแต่งให้เป็นรูปร่างเหมือนมังกรทอดตัวข้ามแม่น้ำ “หาน” (Han River) แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านเมืองด่าหนังออกสู่ทะเล

สะพานมังกรเป็นแค่ 1 ใน 6 ของสะพานซึ่งเชื่อมต่อการพัฒนาสองฝั่งแม่น้ำ ในตัวเมืองด่าหนัง ซึ่งแต่ละสะพานในเมืองนี้จะมีความสวยงาม และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของงานก่อสร้างสะพานอีกต่างหาก เพราะสะพานหมุน (เพื่อเปิดช่องให้เรือผ่านได้) แห่งแรกของประเทศอยู่ที่เมืองนี้ สะพานแขวนที่ยาวที่สุดของประเทศ (ยาว 1,850 เมตร) ก็อยู่ที่นี่ แถมสะพานรูปร่างเหมือนมังกรข้ามน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็มีให้เห็นที่เมืองด่าหนังเช่นกัน ทำให้ด่าหนังมีอีกหนึ่งฉายาว่า “เมืองแห่งสะพาน” ซึ่งถ้าใครอยากเห็นงานออกแบบสะพานที่หลากหลายและสร้างสรรค์ ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปดูสะพานที่ด่าหนัง

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ต้องไม่พลาด คือ “พิพิธภัณฑ์รูปปั้นงานศิลปะของอาณาจักรจามปา” (Museum of Cham Sculpture) เพราะจะได้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งของเวียดนามที่แตกต่างออกไป โดยสถานที่ดังกล่าวจะมีการจัดแสดงและบอกเล่า เรื่องราวของอาณาจักรจามปา (Champa Kingdom) ที่เคยยิ่งใหญ่ในเวียดนามกลาง ซึ่งมีความคล้ายกับศิลปะของเขมร ในประเทศกัมพูชา เพราะรูปแบบงานศิลปะและงานสถาปัตยกรรม ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากศาสนา แต่อย่างไรก็ตามศิลปะของอาณาจักรจามปา ก็จะมีความแตกต่างในรายละเอียด

เสร็จจากเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ก็แนะนำว่าต้องไปที่โบสถ์เมืองด่าหนัง (Danang Cathdral) หรือที่ชาวบ้านแถวนั้น จะเรียกเป็นภาษาเวียดนามว่า “ข่อน กา” (Con Ga Church) ซึ่งหมายถึง โบสถ์ไก่โต้ง เพราะว่าบนยอดของหอระฆัง จะมีกังหันบอกทิศทางลมซึ่งมีรูปไก่ร่วมอยู่ด้วย

โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสต์แห่งเดียวของเมืองด่าหนัง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1923 สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส ซึ่งแม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่โต และไม่ได้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอะไร แต่อาจเป็นเพราะสีสันสดใส และความสะดวกในการเดินทางมาที่นี่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด่าหนัง จะต้องแวะมาถ่ายรูปคู่กับโบสถ์ไก่โต้ง สีชมพูหวานแหววแห่งนี้

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

ถัดจากโบสถ์ไก่โต้งมาไม่ไกล ก็จะเป็นตลาดกลางเมืองด่าหนัง ที่เป็นแหล่งซื้อหาซื้อผ้า และของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว โดยตลาดแห่งนี้ชื่อว่า “หาน มาร์เก็ต” (Han Market) เพราะตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำหาน แม่น้ำสายหลักของเมืองด่าหนัง

หาน มาร์เก็ต เป็นตลาดในอาคาร 2 ชั้น ที่มีบรรยากาศคับคั่งทั้งวัน ด้านในแน่นขนัดไปด้วยร้านค้าและนักท่องเที่ยว ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่วางขายในตลาดแห่งนี้ก็เป็นสินค้าคุณภาพ ส่วนราคาตั้งของสินค้า อาจจะฟังดูสูงไปนิด จนน่าตกใจ แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะราคาบอกผ่านเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะลดได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ส่วนใครที่ไม่อยากช็อปปิ้ง และอยากเห็นว่าชายหาดของด่าหนังจะหน้าตาเป็นอย่างไร ก็ต้องแวะไปที่หาด “มี๋เค” (My Khe Beach) เพราะเป็นหาดที่อยู่ใกล้เมืองที่สุดแล้ว (ห่างจากตัวเมืองออกมาแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น) และหากไปถึงหาดในช่วงเย็นแล้วละก็ จะต้องเชื่อแบบไม่มีข้อสงสัยเลยว่า นี่คือหาดยอดนิยมจริงๆ เพราะทั้งหาดจะแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ชนิดที่ว่ากวาดสายตาไปทางไหน ก็จะหาที่ว่างบนหาดทรายเพื่อปูเสื่อสักผืนหนึ่ง ก็ยังเป็นเรื่องยากเลย

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

แต่ถ้าอยากเห็นอะไรที่แปลกตากว่าทะเล ก็ต้องไปที่ภูเขาซึ่งมีชื่อเรียกว่า “หงู่หั่งเซิน” (Ngu Hanh Son) หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า The Marble Mountains ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร โดยความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ คือ ภาพภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตา เพราะเป็นกลุ่มภูเขา 5 ลูก ที่เป็นตัวแทนของ 5 ธาตุหลัก ตามหลักความเชื่อโบราณ อันได้แก่ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ ดิน

ภูเขาทั้ง 5 ลูกตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่ละภูเขามีถ้ำอยู่ด้านใน และบางถ้ำก็มีอุโมงค์เข้าออกได้หลายทาง แถมบนสุดของยอดเขา ก็สามารถปีนขึ้นไปชมวิวสวยๆ ได้อีกต่างหาก

เสร็จจากเรื่องเที่ยวก็ต้องมองหาของกิน ซึ่งถ้าใครได้ไปเที่ยวด่าหนัง ก็ต้องไม่พลาดชิมอาหารและเครื่องดื่มขึ้นชื่อของเวียดนามกลาง ถ้าหากเป็นอาหารก็ต้องไม่พลาด “หมี่กวง” แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่ม ก็ต้องไม่พลาด “นึกเมียะ”

ด่าหนัง ประตูสู่เวียดนามกลาง

หมี่กวง (Mi Quang) ถูกเรียกชื่อตามชื่อจังหวัด ก่วงนัม (Quang Num Province) ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่ที่เมืองด่าหนัง แยกตัวออกมา โดยหมี่ชนิดนี้จะคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กของไทย แต่จะมีเส้นหนากว่า และขนาดกว้างกว่าเล็กน้อย นิยมรับประทานเป็นหมี่น้ำ โดยใส่น้ำซุปในปริมาณขลุกขลิกเท่านั้น (ไม่ใส่น้ำซุปมากเหมือนเฝอ หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำแบบไทยๆ) ส่วนเนื้อสัตว์ ก็ใส่ได้ทั้งหมูแดง กุ้ง ไก่ ​และไข่ต้ม เวลารับประทานก็มักจะวางมะนาวผ่าซีก และข้าวเกรียบมาด้วยในชาม ส่วนรสชาติก็มีส่วนคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำ แต่ไม่จัดจ้านเท่า

หลังจากชิมหมี่กวงเสร็จแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะไปหาเครื่องดื่มที่เรียกว่า “นึกเมียะ” (Nouc Mia) ที่เป็นน้ำอ้อยคั้นสด รสชาติหวาน หอม ชื่นใจ ซึ่งบางร้านอาจเพิ่มรสชาติและความอร่อยโดยการเติมน้ำมะนาว น้ำสับปะรด หรือสตรอเบอร์รี่เข้าไปด้วย แต่ที่น่านิยมมากที่สุดก็คือ น้ำอ้อยผสมมะนาว ซึ่งนึกเมียะเป็นเครื่องดื่มที่หารับประทานได้ทั่วไปในด่าหนัง ไม่ว่าในร้านอาหารหรือร้านข้างทางก็ตาม

เชื่อว่าหลายคนที่อยากไปเที่ยวเวียดนาม คงไม่ได้มีปลายทางหลักเป็นเมืองด่าหนัง แต่เชื่อเถอะว่า หากคุณได้มีโอกาสเดินทางไป และได้ใช้เวลาท่องเที่ยวอยู่ที่เมืองนี้สักหน่อย คุณจะต้องประทับใจกับเมืองนี้อย่างแน่นอน ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ทางรายการ โลก 360 องศา วันอาทิตย์นี้ เวลา 08.00 น. ทางไทยรัฐทีวี