posttoday

ออกย่ำไปในเมืองสองแคว

15 เมษายน 2561

จบลงไปอย่างดงามสำหรับละครสุดฟินอย่าง "บุพเพสันนิวาส"

โดย สืบสิน ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์

จบลงไปอย่างดงามสำหรับละครสุดฟินอย่าง "บุพเพสันนิวาส" ที่ทำให้คนไทยหันมาแต่งกายชุดไทยกันทั่วบ้านทั่วเมือง แถมยังท่องเที่ยวไปในถิ่นที่ละครกล่าวถึง ทำให้หลายสถานที่กลับมาคึกคักตามๆ กัน

คราก่อนเคยพาไปเยี่ยมวัดไชยวัฒนารามอันเป็นบ้านเกิดของพี่หมื่น มาคราวนี้จะพามาย่ำแดนเกิดของออเจ้าการะเกดกันบ้าง นั่นคือเมืองสองแคว หรือ จ.พิษณุโลก

เดิมเมืองพิษณุโลกเป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยขอม โดยมีชื่อเรียกต่างๆ กันในศิลาจารึก ตำนาน นิทาน และพงศาวดาร เช่น สองแคว สองแควทวิสาขะ และไทยวนที เหตุที่เรียกว่า "เมืองสองแคว" นั้น สาเหตุมาจากที่ตั้งของเมืองจะตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำน่านกับแม่น้ำแควน้อย แต่ปัจจุบันแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนทางเดินออกห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 10 กิโลเมตร

เมืองสองแควอยู่ในอำนาจของราชวงศ์ผาเมือง จนกระทั่งในรัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงได้ยึดเมืองสองแคว ที่ตั้งตัวเมืองเก่าในปัจจุบัน คือ บริเวณวัดจุฬามณี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของพิษณุโลก แต่เมื่อประมาณพุทธศักราช 1900 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) โปรดเกล้าให้ย้ายเมืองสองแควมาตั้งอยู่ ณ บริเวณตัวเมืองในปัจจุบันและยังคงเรียกกันติดปากว่าเมืองสองแควเรื่อยมา

ออกย่ำไปในเมืองสองแคว

ครั้นสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) เสด็จฯ มาประทับที่เมืองสองแคว พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ในการทำนุบำรุงนำความเจริญเป็นอย่างยิ่ง เช่น การสร้างเหมืองฝาย สนับสนุนให้มีการขยายพื้นที่เพาะปลูก สร้างทางคมนาคมจากเมืองพิษณุโลกไปเมืองสุโขทัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการสร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาที่ประดิษฐานไว้ในพระวิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดใหญ่) ยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้

ทุกวันนี้เมืองพิษณุโลกนอกจากเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่ยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งเรื่องการเดินทาง ร้านอาหาร ที่พัก ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนพิษณุโลกประทับใจและกลับมาเยือนอีกหลายครั้ง

เมื่อมาถึงพิษณุโลกสิ่งที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด คือ การได้แวะมาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดใหญ่” เป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร วัดคู่บ้านคู่เมืองของ จ.พิษณุโลก

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และประติมากรรมที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ถือได้ว่าเป็นเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลกเลยทีเดียว

ออกย่ำไปในเมืองสองแคว

ที่สำคัญวัดนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช หรือที่ชาวพิษณุโลกเรียกกันว่า “หลวงพ่อใหญ่” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์สร้างในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในโลก และยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพิษณุโลก

ในทุกๆ ปีจะมีงานนมัสการพรพุทธชินราช ซึ่งจะจัดขึ้นในวันขึ้น 6 ค่ำ ไปจนถึงวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 เรียกว่า “งานวัดใหญ่” หากมีโอกาสต้องไม่พลาดมาเที่ยวกันสักครั้ง และใกล้กับตัววัดเรายังจะได้แวะชิมก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อคู่เมืองพิษณุโลกมาช้านานเช่นกัน

นอกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่นี่ยังมีวัดจุฬามณีโบราณสถานเก่าแก่ที่มีมาก่อนสมัยสุโขทัย เคยเป็นที่ตั้งของเมืองสองแควเก่า ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถทรงสร้างพระวิหารและเสด็จออกผนวชที่วัดนี้เมื่อปี 2007 เป็นเวลาถึง 8 เดือน 15 วัน โดยมีข้าราชบริพารออกบวชตามเสด็จถึง 2,348 รูป

ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ ปรางค์แบบขอมขนาดย่อมที่ก่อด้วยศิลาแลงและมีลวดลายปูนปั้นประดับอย่างสวยงามโดยรอบ ใกล้เคียงกันมีมณฑปพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าให้สร้างขึ้น

ออกย่ำไปในเมืองสองแคว

แผ่นจารึกหน้ามณฑปมีใจความสรุปได้ว่า เมื่อปี  2221 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระบรมราชโองการให้ใช้ผ้าทาบรอยพระพุทธบาท สลักลงบนแผ่นหิน และพระราชทานไว้ให้เป็นที่กราบไหว้ของประชาชน

ปัจจุบันวัดจุฬามณีมีพิธีการบวชต้นไม้ที่ไม่เหมือนใคร โดยทารักสีดำที่เปลือกของต้นไม้ และแปะลวดลายกนกสีทองแบบไทยโบราณ ที่ดัดแปลงมาจากลวดลายกนกบนซากพระปรางค์เก่าแก่ภายในวัด

ไม่ไกลกันนักเรายังได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ซึ่งจัดเป็นแหล่งความรู้ที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ และภูมิปัญญาพื้นบ้านของผู้คนเมืองพิษณุโลกในอดีตได้เป็นอย่างดี และเคยคว้ารางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ประเภทหน่วยงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว เมื่อปี 2541 มาแล้วด้วย

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวีถือกำเนิดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงและชีวิตจิตใจของ จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ โดยเริ่มต้นจากความสนใจส่วนตัวของท่านในการเก็บรวบรวมเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านทุกประเภท ทั้งเครื่องดนตรี เครื่องมือช่าง เครื่องมือดักสัตว์ เครื่องมือทำงาน เครื่องจักสาน และอาวุธรวมกันนับหมื่นชิ้น ดำเนินการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัวของจ่าทวีเองทั้งหมด

ออกย่ำไปในเมืองสองแคว

หากเวลายังเหลือแนะนำให้มาเที่ยวที่พระราชวังจันทร์ ตั้งอยู่ติดค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นที่ตั้งศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตัวศาลเป็นศาลาทรงไทยโบราณตรีมุขสีขาว ภายในประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรขนาดเท่าองค์จริง ประทับนั่งหลั่งน้ำจากสุวรรณภิงคารเพื่อประกาศอิสรภาพแก่ปวงชนชาวไทยที่เมืองแครง

พระราชวังจันทน์แห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) ครองเมืองพิษณุโลก เคยเป็นสถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์ไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงศรีอยุธยา เชื่อว่ามีการต่อเติมขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถย้ายราชธานีมาอยู่ที่เมืองพิษณุโลก และเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ต่อมาพื้นที่บริเวณพระราชวังจันทน์ได้ใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม มาตั้งแต่ปี  2475 จนกระทั่งเมื่อปี 2535 มีการขุดพบซากอิฐเก่าบริเวณนี้ ทางกรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนพื้นที่บริเวณนี้ เป็นโบราณสถานเพื่อให้กรมศิลปากรเข้ามาบูรณะพระราชวังจันทน์ต่อไป และจัดศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งอยู่ในพื้นที่พระราชวังจันทน์

เมืองพิษณุโลกยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ ที่มีน้ำตกทั้งหมดถึง 7 ชั้น แต่ละชั้นจะงดงามแตกต่างกันออกไป หรือเมื่อลมหนาวมาเยือนแนะนำให้มาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ทั้งยังเป็นดินแดนประวัติศาสตร์และยุทธภูมิสำคัญในช่วงที่เกิดความขัดแย้งของลัทธิและแนวคิดทางการเมืองในอดีตด้วย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก (พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร) โทร. 055-252-742-3, 055-259-907