posttoday

เลือกตั้ง66:อภิสิทธิ์ขอกาประชาธิปัตย์เป็นหลักให้บ้านเมือง

12 พฤษภาคม 2566

“อภิสิทธิ์” ขอคนไทยเลือกตั้งโดยยึดประเทศเป็นที่ตั้ง ย้ำ ประชาธิปัตย์เป็นหลักให้บ้านเมืองได้ พร้อมทำงานเต็มที่แม้จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล

เมื่อวันที่12 พ.ค.2566 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยบนเวทีครั้งสุดท้าย #SAVE ประชาธิปัตย์ เพื่อ #SAVE ประชาธิปไตยไม่โกง” ณ บริเวณลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครว่า ก่อนเข้าสู่การเมืองอายุ 27 ไม่มีสตางค์ ไม่มีอิทธิพล แต่มาใกล้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ประชาชนให้การสนับสนุน ตนเป็นหนี้บุญคุณประชาชนและพรรคที่สังกัดตลอดไป ตนจึงอยากมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนกับพรรคอื่นแน่นอน

นอกจากเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ ขณะที่พรรคอื่น ถ้าเอ่ยชื่อบางพรรค ก็จะร้องอ้อ รู้เลยว่าตั้งขึ้นมาไว้สนับสนุนลุง อีกพรรคก็มีลุงอีกคน ส่วนอีกพรรคเป็นของเสี่ย และอีกพรรคมีคนแดนไกลกำกับอยู่หรือไม่ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรอย่างนั้นแน่นอน เพราะ 77-78 ปี พรรคประชาธิปัตย์มีไว้เพื่อสืบสานอุดมการณ์ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคล แต่มีประชาชนเป็นเจ้าของพรรค 

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปร่วมร่างนโยบายกับพรรค แต่รู้ว่าสิ่งที่กำหนดออกมามีการหารือกับนักการเมืองของพรรคที่ล้วนแต่เป็นตัวแทนของประชาชน แล้วกลั่นออกมาเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดสำหรับประชาชนและประเทศไทย ดังนั้นนโยบายของพรรคอาจไม่ตื่นเต้นเร้าใจ และไม่ลดแลกแจกแถมเหมือนคนอื่น การเลือกตั้งครั้งนี้อ่านแล้วตาลาย เพราะนโยบายเยอะจริงๆ แต่หลายเรื่องเราต้องดูประวัติความเป็นมา เช่น นโยบายผู้สูงอายุ เดี๋ยวนี้มีทั้งบำนาญ กองทุนสารพัด เพราะคนไทย 100 คน มีผู้สูงอายุ 20 คน ก็ไม่แปลกที่มีนโยบายออกมา พอผู้สูงอายุก็แข่งขันกันใหญ่ แต่ 30 ปีที่แล้ว ผู้สูงอายุมีไม่มาก นายชวน หลีกภัย ขณะเป็นนายกฯ ก็อนุมัติเบี้ยผู้สูงอายุให้เป็นปีแรก 300 บาท

ต่อมาตนเป็นนายกฯ ก็ปรับให้เป็น 500 บาท ดังนั้นไม่ว่าประชาชนจะเชื่อนโยบายใคร แต่คนที่คิดทำก่อนคือพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นอย่าเอาความกลัวเป็นตัวตั้ง แต่ให้นึกถึงประเทศเป็นตัวตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวเลือกนี้ ยืนยันว่าคนที่มาเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์มีทุกรุ่นที่จะช่วยประเทศได้ทั้งสิ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนต้องกาบัตรสองใบ ตนไม่ใช่เซียนการเมือง ได้ดูโพลบ้าง แต่ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าใครจะได้จัดรัฐบาล แต่พอจะมองเห็นความวุ่นวายหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นกับกติกาที่ออกแบบมา ตนยืนยันได้เพียงว่าเลือกประชาธิปัตย์เราจะเป็นหลักให้กับบ้านเมืองได้  เลือกประชาธิปัตย์เราจะช่วยฟันฝ่าวิกฤตต่าง ๆ ได้ จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านเราทุ่มเททำงานให้กับประชาชน 100% ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง จะทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และจะสืบทอดอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ตลอดไป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันอีกว่า ชีวิตตนอยู่กับการเมืองมาตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่ตนรักและชอบ ใช้ชีวิตที่มีความสุขกับการติดตามเหตุการณ์ของบ้านเมืองด้วยความสุขใจ เมื่อได้โอกาสจากประชาชนและพรรค ตนก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่เมื่อใดจังหวะเวลาไม่ใช่ ก็พร้อมจะถอยให้คนอื่นสามารถทำงานได้ นี่คือความเป็นนักประชาธิปไตยที่ประชาธิปัตย์สั่งสอนมา ดังนั้นตนไม่รู้ว่าสภาจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ เลือกตั้งครั้งหน้าอีก4 ปี หรืออาจจะสั้นกว่านั้น ไม่รู้ว่าวันนั้นตนจะอยู่ในสถานะอะไร แต่รู้แน่ว่าตนยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตราบเท่าที่ประชาธิปัตย์รักษาอุดมการณ์ในวันที่ก่อตั้งเมื่อ ปี2489  และตราบเท่าที่ตนเป็นสมาชิกพรรค เลือกตั้งครั้งหน้าหากพรรคสั่งตนก็ต้องมา อายุก็จะมากขึ้นหน่อยแต่ความหล่อก็จะเพิ่มขึ้น และความรักความผูกพันที่มีให้กับประชาชนไม่มีวันลดลงและแน่นอน เพราะนี่คือ ประชาธิปัตย์ของพี่น้อง 14 พ.ค. อย่าลังเล ให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้งสองใบ