posttoday

เลือกตั้ง66:ประวิตรพร้อมเป็นนายกฯนำประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง

12 พฤษภาคม 2566

"สกลธี" ถอดรหัสก้าวข้ามขัดแย้ง อยากให้คนไทยรักกัน แต่พร้อมขัดแย้งหากก้าวล่วงสถาบันหลักชาติ"วราเทพ"ลั่นพรรคไม่มีนายทุน นายใหญ่ ครูใหญ่ ปลุกอย่าเลือกพรรคครอบครัว-คิดเปลี่ยนประเทศ ด้าน"สนธิรัตน์" บอก ประวิตร ใช้ใจบันดาลแรง พร้อมเป็นนายกคนต่อไป

ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 พรรคพลังประชารัฐจัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย

เริ่มต้นด้วยนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถามประชาชนที่มาฟังปราศรัยถึงอนาคตประเทศที่อยากเห็น พร้อมบอกว่า การก้าวข้ามความขัดแย้งเป็นยิ่งกว่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เพราะถ้าก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ได้ต่อให้มีนโยบายดีแค่ไหนก็ตามใครก็ตามที่มาบริหารบ้านเมืองก็ไม่มีค่าเพราะประเทศจะไม่เหลืออะไร ความรักใคร่จะแตกหักเพราะฉะนั้นการก้าวข้ามความขัดแย้งจึงเป็นคำตอบของการเมืองในยุคนี้

การก้าวข้ามความขัดแย้งคือการทำให้ประชาชนในประเทศทุกคนทุกหมู่เหล่ากลับมารักใคร่กันเหมือนเดิม และฟังคนที่เห็นต่างกัน แม้จะแตกต่างกันแต่เราอยู่กันได้ ถึงการก้าวข้ามความขัดแย้งจะเป็นคำตอบในวันนี้ แต่มีเส้นบางๆที่ก้าวข้ามไม่ได้คือชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่เป็นเสาหลักของื ดังนั้น พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดก็ตาม ถ้าไม่เอาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือกระทำการใดๆก็ตามทำให้สถาบันเหล่านี้สั่นคลอน ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ถึงกับขัดแย้งก็ต้องขัดแย้ง เพราะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และนี่คือจุดยืนที่เข้มแข็งที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ

จากนั้นนายวราเทพ รัตนากร กรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. กล่าวปราศรัยว่า บทบาทของคนรุ่นใหม่ใน พปชร. ทำให้พรรคนี้อนาคตไกล ที่ตนยังอยู่พรรคนี้ เพราะไม่มีนายทุน ไม่มีนายใหญ่ และไม่มีครูใหญ่ มีแต่หัวใจที่เรียกว่าใจบันดาลแรง ตลอดการหาเสียงของทุกพรรค 60 วันที่ผ่านมา มีการสร้างความเกลียดชัง ใส่ร้าย แต่ พปชร. มีนโยบายดี ไม่ต้องมีวาทกรรม และก้าวข้ามขัดแย้ง ไม่ต้องแอบอ้าง คิดใหญ่ทำเป็น แต่เราคิดเป็น ทำได้ ทำทันที บางพรรคบอกกาพรรคตัวเอง ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม แต่กา พปชร.จะดีกว่าเดิม ประเทศไทย 20 ปีที่ผ่านมาหาผู้นำที่คิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ เห็นอยู่คนเดียวคือ พล.อ.ประวิตร ซึ่งจิตใจดีและตั้งใจสูง ตนถึงไม่ไปไหน

หลายคนที่ย้ายไปโทรศัพท์มาว่าถูกหลอก ตนบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเลือกตั้งไม่ชนะจะพิจารณาให้กลับมา เพราะลุงป้อมใจดี ให้อภัยทุกคน จะมีผู้นำคนไหนเป็นแบบนี้ ซึ่งผู้นำหนุ่มสาวประสบการณ์เป็นอย่างไรก็เสี่ยงได้ แต่ความเคลือบแคลงใจว่าทำเพื่อครอบครัวหรือไม่ หรือจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศเรารับไม่ได้ใช่หรือไม่ ดังนั้น เราต้องเลือกแบบมีเหตุผล ไม่ใช่ชอบข้างใดข้างหนึ่งอย่างไร้สติ วันนี้หัวหน้าพรรค พปชร.มีโอกาสเป็นนายกฯ สิ่งที่คิดว่าทำไม่ได้ในอดีตลุงป้อมจะทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง 

ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่า หลายคนบอกว่าหลังเลือกตั้งน่าจะวุ่นวาย หลังเลือกตั้งการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะไม่ง่าย อารมณ์ของความเกลียดชังอารมณ์ของการแบ่งแยก เริ่มคุกรุ่นขึ้น นี่หรือคือการเมืองไทย ผ่านไป10 ปี เดินย้อยกลับสู่จุดเดิม เราจะปล่อยให้ประเทศเดินไปสู่จุดนั้นหรือไม่หรือจะร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐหยุดวงจรนี้ไปด้วยกัน 

วันนี้พรรคพลังประชารัฐไม่เหมือนอดีต แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐกำลังเป็นพรรค  ที่เป็นมิติใหม่ของการเปลี่ยนแปลง สอดรับกลับสถานการณ์บ้านเมืองและเป็นพรรคที่ปรารถนาที่จะเป็นสถาบันการเมือง เป็นพรรคที่รวบรวมผู้คนเข้าสู่พรรค ผสมคนเก่ากับคนไหนที่มือโอบล้อมคนทั้งประเทศให้หันมาร่วมมือกัน เพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งและพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ดังนั้น พลเอกประวิตรจึงเป็นคนที่เหมาะสม และพร้อมใช้ใจบันดาลแรงเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

และคนสุดท้ายก่อนปิดเวทีปราศรัย คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เปิดตัวมาด้วยการทักทายประชาชนที่มาฟังปราศรัยตั้งแต่หลังห้องจนสู่เวทีปราศรัย ท่ามกลางเสียงเสียงของมวลที่ตะโกนให้กำลังใจว่า "นายก ลุงป้อม" จากนั้นได้ขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวขอบคุณประชาชนที่ฟังอยู่ และให้ความมั่นใจว่าทุกนโยบายที่เราหาเสียงไว้จนขอสัญญาว่าเราจะทำให้สำเร็จ เพราะตนเป็นบุคคลที่มีภาระใดๆ ไม่มีธุรกิจใดๆไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงมีเพียงภารกิจเดียวที่จะเป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิต คือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทย 

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของการเป็นฝ่ายรัฐบาล ตนสามารถพูดคุยกับทุกคนรับฟังความเห็นต่างจากทุกฝ่ายโดยไม่มีอคติใดๆ ตลอดชีวิตมีหน้าที่ในการปกป้องประเทศ จากศัตรูภยันอันตราย ในรูปแบบต่างๆตั้งแต่ความมั่นคง ป้องกันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเรา วันนี้ตนได้เห็นแล้วว่าประเทศของเรายังมีปัญหาอีกมาก โดยเฉพาะปัญหาความยากจนและปัญหาเรื่องปากท้อง ไปจนถึงการการแทรกแซงการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ตลอดจนก้าวข้ามความขัดแย้งและพรรคพลังประชารัฐมุ่งมั่นจะเอาชนะปัญหาของประชาชนในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ ขอใช้เชื่อมั่นในตัวตนว่าจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ขอให้เลือกตนประเทศจะไม่วุ่นวาย เศรษฐกิจจะเดินหน้า ขอให้กาเบอร์ผู้สมัครส.ส.ของพรรคและเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 ขอให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน