เลือกตั้ง66: 'องอาจ' นำทัพปราศรัย ยันประชาธิปัตย์รักษาการเมืองสุจริต
องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทัพเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ โซนกรุงเทพฯเหนือ พร้อมย้ำ ทางพรรครักษาการเมืองสุจริต ขณะที่อภิสิทธิ์ ชี้ว่าแม้ไม่มีตำแหน่ง แต่หัวใจอุดมการณ์เหมือนเดิม
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทัพเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามฟุตบอล ศูนย์เยาวชนหลักสี่ โซนกรุงเทพฯเหนือ พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร, นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตจตุจักร-หลักสี่, นายธนา ชีรวินิจ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตดินแดง-พญาไท, นายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตดอนเมือง, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตลาดพร้าว-บึงกุ่ม, นายวัทธิกร หรุ่นศิริ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตสายไหม, นางปราณี เชื้อเกตุ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตสายไหม-บางเขน-ลาดพร้าว, นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตคันนายาว-บึงกุ่ม และนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงยังมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมขึ้นปราศรัยเพื่อขอเสียงสนับสนุนให้พรรคและผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคด้วย โดยมีประชาชนร่วมรับฟังจำนวนมาก
นายองอาจ กล่าวว่า ก่อนจะมีการเลือกตั้งเราจะเห็นการดูด ส.ส.จากพรรคการเมือง และพรรคที่ถูกดูด ส.ส.มากที่สุดคือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งด้วยเงินจำนวนมากจึงทำให้ ส.ส.เหล่านั้นตัดสินใจย้ายพรรคไป และนั่นคือกระบวนการเริ่มต้นของการทำการเมืองทุจริต ที่เริ่มต้นการทุจริตตั้งแต่ขายตัวเองเพื่อไปอยู่พรรคการเมือง ดังนั้นเมื่อคนเหล่านี้เข้าไปในสภา ถามว่าเขาก็จะคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชนหรือไม่
ชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่พี่น้องทุกคน ที่จะช่วยกันลงคะแนนเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในอดีต กทม. เคยมีคนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 1 ล้านกว่าเสียง แต่ในการเลือกตั้งปี 62 มีคน กทม. เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 3 แสนกว่าเสียง และอีก 6-7 แสนเสียงไปเลือกพรรคการเมืองอื่น วันนี้ตนต้องขอขอบคุณคนทั้ง 6-7 แสนเสียงที่ได้ส่งเสียงกลับมายังผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ว่าเมื่อปี62 เขามีเหตุจำเป็นต้องไปเลือกพรรคการเมืองอื่น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เขาจะกลับมาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ และเหตุผลหนึ่งสำคัญที่พี่น้องประชาชนควรสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะไปช่วยรักษาการเมืองสุจริต จะเป็นการช่วยการเมืองไทยให้เดินไปได้อย่างมั่นคง
ในส่วนของนายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นปราศรัยเช่นกัน โดยระบุว่า หลายคนคงทราบว่าตนไม่ได้ลงสมัครการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ตนเป็นสมาชิกพรรค และได้เดินทางลงพื้นที่สนับสนุนผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ และที่มาวันนี้เพื่อมากราบขอบพระคุณพี่น้องทุกคน เราไม่ใช่คนมีเงิน มีอิทธิพล ที่จะไปสถาปนาเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นของตัวเองได้ แต่เราต้องอาศัยประชาชนที่จะมอบสิ่งเหล่านี้ให้เรา และขอย้ำว่า ตนจะมีหรือมีไม่ตำแหน่ง หัวใจอุดมการณ์เหมือนเดิม วันก่อนไปหลายพื้นที่ มีคนบอกว่า ความหล่อคงที่ ความดีเหมือนเดิม
พี่น้องที่ติดตามการทำงานของสภามา 4 ปี จะเห็นว่าเป็นการเมืองที่วุ่นวาย แต่พี่น้องจะเห็นบทบาทที่โดดเด่นของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่สามารถควบคุมความวุ่นวายในสภาได้ ซึ่งความรู้ความสามารถของท่านก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนเป็นเพราะวัฒนธรรมของพรรค ที่เป็นสถาบันการเมือง เป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ภายในพรรค การทำงานโดยจึงคำนึงถึงความยั่งยืน ไม่ได้ทำเพื่อการเลือกตั้งครั้งใดครั้งหนึ่ง นโยบายหลายคนก็บอกว่าทำไมไม่หวือหวา แต่นโยบายที่หวือหวาเร้าใจก็สร้างความเสียหายให้ประเทศมามาก แต่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์นั้นสามารถทำจนดำรงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
ส่วนพล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นนโยบายที่มีประโยชน์ ทำได้จริง และไม่ทิ้งปัญหาให้กับลูกหลาน โดยนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เกิดมาจากโครงการ "ฟัง คิด ทำ" พบว่าปัญหาที่ประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์แก้ อันดับแรก คือ เรื่อง pm2.5 ที่ถือว่าเป็นอันตรายยิ่งกว่า โควิด-19 หากได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ จะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดทันที
ถัดมาเป็นเรื่องยาเสพติด ความปลอดภัยเมือง และการทุจริตคอรัปชั่น ของหน่วยงานและคนที่รับราชการ พรรคประชาธิปัตย์ จึงประกาศว่า "ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด การทุจริตคือวิกฤตชาติ" และขอย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์เราจะไม่แก้มาตรา 112
พล.ต.ต.วิชัย ยังขอให้เชื่อมั่นในพรรค นโยบาย และเชื่อมั่นในผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม ทั้งเรื่องของนโยบาย เป็นพรรคที่อายุยืนยาวที่สุด มีนโยบายที่ทำให้กับประชาชนมาตลอด และขอให้เชื่อมั่นคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค เป็น ส.ส. มา 11 สมัย ทำงานให้ประชาชนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี 7 กระทรวง มีความรู้ มีประสบการณ์ในการทำงาน และมีความซื่อสัตย์สุจริต