อาเซียนยังไม่จบ ไทยขยับเกมหยุดยิงสู่ GBC รักษาแต้มต่อชายแดน
ดีลหยุดยิงไทย–กัมพูชายังไม่ลงตัว ถูกส่งต่อเวที GBC ระดับกลาโหม ไทยได้จังหวะสถาปนาพื้นที่ ขณะมหาอำนาจเร่งลดอุณหภูมิ ไม่ให้บานปลายเป็นสงครามภูมิภาค
KEY
POINTS
- การเจรจาหยุดยิงในเวทีอาเซียนยังไม่บรรลุข้อตกลงทันที โดยไทยเสนอให้ส่งต่อรายละเอียดไปหารือในระดับกลไกทางการทหารที่เหมาะสมกว่า
- ไทยใช้ยุทธศาสตร์ "ซื้อเวลา" เพื่อจัดระเบียบกำลังและสถาปนาการควบคุมพื้นที่ที่ได้เปรียบ ก่อนที่จะมีการหยุดยิงซึ่งจะเปรียบเสมือนการ "แช่แข็ง" แนวรบ
- จุดชี้ขาดของข้อตกลงหยุดยิงถูกย้ายไปที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งจะกำหนดรายละเอียดการวางกำลังและบทบาทผู้สังเกตการณ์เพื่อรักษาความได้เปรียบของไทย
เวทีอาเซียนยังไม่จบ แต่เกมถูกย้าย
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนล่าสุดยังไม่สามารถปิดดีลหยุดยิงได้ในทันที แม้กัมพูชาจะเสนอหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ฝ่ายไทยประเมินว่าต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ทั้งด้านกำลัง การคุมพื้นที่ และกลไกตรวจสอบ จึงเห็นพ้องให้ส่งต่อรายละเอียดไปยังเวทีที่เหมาะสมกว่าในเชิงทหาร
การขยับประเด็นไปยัง ASEAN ในชั้นการเมือง ก่อนส่งไม้ต่อสู่กลไกเฉพาะด้าน สะท้อนว่าการทูตยังทำหน้าที่ “ประคองสถานการณ์” มากกว่าตัดสินผลลัพธ์ทันที การหยุดยิงที่ไร้รายละเอียดอาจกลายเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพภาคสนาม
จุดชี้ขาดจึงถูกวางไว้ที่การประชุม General Border Committee (GBC) วันที่ 24 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นเวทีระดับรัฐมนตรีกลาโหม ที่ต้องลงลึกถึงผังการวางกำลัง เส้นปฏิบัติการ และบทบาทผู้สังเกตการณ์อาเซียน เพื่อกำหนด “ใครอยู่ตรงไหน” อย่างเป็นทางการ
ซื้อเวลาเพื่อสถาปนาพื้นที่ ก่อนแช่แข็งแนวรบ
รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ วิเคราะห์ว่า การไม่เร่งหยุดยิงทันทีคือการ “ซื้อเวลา” อย่างมีเป้าหมาย ช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้นเปิดโอกาสให้ไทยจัดระเบียบกำลังและคณะทำงาน พร้อมตอกย้ำการควบคุมพื้นที่ที่รุกคืบได้แล้วให้มั่นคง
สาระสำคัญอยู่ที่แนวคิด “สถาปนาพื้นที่” เมื่อฝ่ายหนึ่งสามารถยืนพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง การหยุดยิงในเวลาต่อมามักหมายถึงการ “แช่แข็ง” สถานการณ์ ณ จุดที่แต่ละฝ่ายครองอยู่ ผลคือผู้ที่คุมพื้นที่ได้มากย่อมได้เปรียบเชิงโครงสร้าง
ในมุมกลับ กัมพูชาก็พยายามเติมกำลังเพื่อเปลี่ยนดุลก่อนถึงเส้นตายการเจรจา ภาพรวมจึงไม่ใช่เพียงการปะทะภาคสนาม แต่เป็นการแข่งขันจัดวางหมากบนกระดานเวลา ซึ่งการเมือง การทหาร และการทูตถูกผสานเป็นเครื่องมือเดียวกัน
มหาอำนาจ โดรน และสงครามอสมมาตร
บทบาทของสหรัฐอเมริกาและจีนชี้ชัดว่าทั้งสองไม่ต้องการให้ความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามตัวแทน สหรัฐฯ ส่งสัญญาณกดดันกัมพูชาในประเด็นทุ่นระเบิดและอาชญากรรมข้ามชาติ ขณะที่จีนเลือกทำงานหลังฉากโดยไม่เร่งบังคับให้ไทยหยุดยิงทันที
อีกมิติที่เด่นชัดคือภัยคุกคามรูปแบบใหม่ สงครามมีลักษณะอสมมาตร ตั้งแต่การใช้โดรนในพื้นที่ปะทะ ไปจนถึงการพัวพันของขบวนการสแกมเมอร์ใน “พื้นที่สีเหลือง” ชายแดน ซึ่งทำหน้าที่ทั้งฐานสนับสนุนและเครื่องมือปั่นป่วนข้อมูลข่าวสาร
กรณีโดรนป่วนพื้นที่สำคัญ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ แม้ยังไม่ยืนยันว่าเป็นปฏิบัติการทางทหารโดยตรง แต่สะท้อนการยกระดับสงครามจิตวิทยาและข่าวลวง เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลและความเชื่อมั่นของสังคม
ความขัดแย้งไทย–กัมพูชาขณะนี้คือเกมหมากรุกของเวลาและพื้นที่ ไทยใช้เวทีการทูตถ่วงจังหวะเพื่อสถาปนาความได้เปรียบ รอให้ GBC จัดระเบียบก่อนหยุดยิงจริง ท่ามกลางแรงกดมหาอำนาจและภัยคุกคามรูปแบบใหม่
เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง
ที่มา : รายการคมชัดลึก (คลิ๊กชม)


