posttoday

เลือกตั้ง66:ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน

19 เมษายน 2566

ทีม ศก. ปชป. ประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน พร้อมเดินหน้ายกเลิกค่า FT ทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีสะท้อนต้นทุนแท้จริงและเป็นธรรม ลดรายจ่ายให้คนไทย

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว วาระประเทศไทย ครั้งที่ 2  "ปชป. ชูรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน ลดรายจ่ายคนไทย” นำโดย ดร.พิสิฐ  ลี้อาธรรม อดีต รมช.กระทรวงการคลัง  และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ  สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์  ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ และนายอลงกรณ์ พลบุตรอดีต รมช.กระทรวงพาณิชย์ รมต.เศรษฐกิจอาเซียน ณ ห้องประชุมชั้น 3 พรรคประชาธิปัตย์ อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
 

นายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีมาตรการที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความเป็นไปได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ โดยปัจจุบันปัญหาเรื่องพลังงานแยกออกเป็น 4 หมวด คือ ก๊าซหุงต้ม ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และไฟฟ้า ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลจะรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อลดรายจ่ายให้คนไทยอย่างถาวร

สำหรับเรื่องไฟฟ้า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบาย ยกเลิกค่า FT เพราะปัจจุบันการคิดคำนวณค่า FT เป็นสมมุติฐานทั้งสิ้น การทำแบบนี้เป็นช่องโหว่ของการกำหนดค่าไฟฟ้า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่ม พรรคประชาธิปัตย์จะทำให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง รวมไปถึงจะกำหนดระดับกำลังการผลิตสำรองที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก โดยปัจจุบันการผลิตสำรองอยู่ในระดับสูงกว่า 50% ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่ควรอยู่ในระดับ 15% ต้องกำหนดสัดส่วนกำลังการผลิตระหว่างรัฐกับเอกชนให้เหมาะสม และทบทวนเรื่องสัญญาสัมปทาน รวมถึงกำหนดสัดส่วนการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งราคาและรูปแบบสัญญา (PPA) และปรับราคาก๊าซป้อนโรงไฟฟ้าให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม 

เลือกตั้ง66:ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน

“พรรคประชาธิปัตย์จะยกเลิกค่า FT หลายประเทศส่วนใหญ่ไม่มีค่า FT เพราะมันมีวิธีที่ดีกว่า ไม่ต้องให้ใครก็แล้วแต่มากำหนดราคาค่าไฟ และตอนนี้ FT เป็นการคิดประเมินโดยมองไปในอนาคต 4 เดือน โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนเชื้อเพลิงค่าไฟจากเอกชน ประเทศเพื่อนบ้าน “สมมติฐานผิด ก็ค่าไฟผิด” ทำให้คนเดือดร้อน ค่าไฟเราแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทำไมไม่ให้ราคาไฟฟ้าตรงกับต้นทุนจริง เราสามารถใช้ตัวเลขย้อนหลัง 4 เดือน แล้วจะทำระบบกองทุนไว้สำหรับความผันผวนได้” นายเกียรติ  กล่าว

และได้เพิ่มเติมอีกว่า สำหรับเรื่องน้ำมัน พรรคประชาธิปัตย์จะกำหนดค่าการกลั่น ให้อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน คือ 1 บาทต่อลิตร ซึ่งที่ผ่านมาค่าการกลั่น เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2552 อยู่ที่ 0.85 บาทต่อลิตร ปี 2554 ขยับขึ้นมาที่ 1.55 บาทต่อลิตร และขึ้นไปสูงสุดที่ 3.65 บาทต่อลิตร ในปี 2565 สูงกว่าค่าการกลั่นอ้างอิงประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ 20% ถึงกว่า 400% นอกจากนี้ยังต้องกำกับค่าการตลาดให้อยู่ในระดับ 1.50 บาทต่อลิตร และจะทบทวนโครงสร้างราคาและภาษีให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม จะทบทวนเงินเข้ากองทุน ทบทวนการคำนวณต้นทุนน้ำมันที่อ้างอิงราคามันสำปะหลังและปาล์มน้ำมัน “ต้องไม่ลืมว่า ทุก 1 บาทต่อลิตร ที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรบริษัทน้ำมันสูงขึ้นกว่า 60,000 ล้านบาทต่อปี ไม่เป็นธรรมกับประชาชน”

ส่วนก๊าซธรรมชาติ จะมีการเฉลี่ยต้นทุนระหว่างนำเข้ากับแหล่งในประเทศ ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม มีการทบทวนค่าผ่านท่อ ปรับสูตรคำนวณและวิธีการกำกับดูแลใหม่ ทบทวนสัญญาระยะยาวที่เอาเปรียบและไม่เป็นธรรม เช่นเดียวกันกับก๊าซหุงต้ม ต้องมีการตรวจสอบปริมาณการผลิตและใช้ในประเทศจริง ทบทวนสูตรคำนวณราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม แก้ปัญหาการลักลอบไปประเทศเพื่อนบ้าน ทบทวนสัญญาระยะยาวสำหรับกลุ่มปิโตรเคมี ส่วนปั๊มก๊าซ LNG / LPG จะทบทวนค่าการตลาดและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และเป็นธรรมต่อประชาชน เลือกตั้ง66:ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.อดีตรมช.พาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและอดีตรมต.เงาพลังงาน เจ้าของฉายา”มิสเตอร์เอทานอล” กล่าวถึงนโยบายพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานของพรรคประชาธิปัตย์ “ก้าวสู่พลังงานสีเขียวพลังงานสะอาดสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” (Go Green Go Clean Go Low Carbon) ว่า วิสัยทัศน์เชิงรุกพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญสูงสุดสำหรับนโยบายพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานโดยยกระดับเป็นเป็นวาระแห่งชาติเร่งด่วน (National Urgent Agenda) เพื่อ 1.ลดค่าใช้จ่ายพลังงานในภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาครัฐ 2.ลดภาระต้นทุนของประเทศโดยชะลอการลงทุนด้านการจัดหาพลังงานของประเทศ 3.ยืนบนขาตัวเองตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4.เพิ่มโอกาสส่งออกพลังงานทดแทนและเทคโนโลยีนวัตกรรมอนุรักษ์พลังงาน เป็นการแปรวิกฤติพลังงานเป็นโอกาส สามารถสร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ ยกระดับประเทศไทยเป็นผู้นำพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2030 ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีตัวอย่างนโยบายไฮไลท์ เช่น ส่งเสริมการวิจัยพัฒนานวัตกรรมโครงการ พลังงานไฮโดรเจน ( Hydrogen Energy ) โครงการ E100 B 100, โครงการ โซล่ารูฟ ทุกบ้าน ทุกอาคาร ด้วยระบบ Net Metering และ Energy storage, โครงการโซล่าฟาร์มและเกษตรอัจฉริยะประหยัดพลังงานสำหรับฟาร์มพืช ประมงและปศุสัตว์

ด้านนโยบายปฏิรูปเชิงโครงสร้างพลังงานทดแทน เช่น โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 โรงแก๊สชีวภาพ 1 โรงปุ๋ยชีวภาพชุมชน, โครงการ 1 ตำบล 1 โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน, โครงการ 1 อำเภอ 1 ศูนย์ยานยนต์เครื่องจักรกลไฟฟ้าและการปรับเปลี่ยนยานยนต์เครื่องจักรกลเก่าเป็นระบบไฟฟ้า (Ev Conversion Center) (รถเก่ากว่า 40 ล้านคัน) เพื่อส่งเสริม EV, โครงการ 1 จังหวัด 1 โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

ด้านอนุรักษ์พลังงาน เช่น เพิ่มมาตรการจูงใจให้มีการลงทุนจากภาคเอกชนและภาครัฐในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เช่นระบบเอสโค (ESCO บริษัทจัดการพลังงาน), เพิ่มการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการอนุรักษ์พลังงานเช่น อินเตอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง (IOT) และแอปพลิเคชัน, ส่งเสริมภาคเอกชนจัดตั้งศูนย์การปรับเปลี่ยนยานยนต์และเครื่องจักรกลเก่าเป็นระบบพลังงานไฟฟ้า (EV Conversion Center)        ทุกอำเภอโดยการสนับสนุนของศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC:Agritech and Innovation Center) 77จังหวัด, เร่งเพิ่มอาคารประหยัดพลังงาน (BEC) และเร่งขับเคลื่อนโครงการบ้านประหยัดพลังงาน, ส่งเสริมวัสดุก่อสร้างและชิ้นส่วนยานยนต์ลดความร้อนและผลิตได้ในประเทศเช่น กันชงไฟเบอร์ (Hemp Fiber)อิฐ (Hemp Brick) ผนังกันชง (Hemp Panel Board), เพิ่มมาตรการส่งเสริมเครื่องไฟฟ้าและนวัตกรรมประหยัดพลังงาน เช่น มาตรการ เบอร์ 5 พลัส ฯลฯ

“เป็นการยกระดับนโยบายและมาตรการพัฒนาพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานแบบปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์สร้างเงินสร้างคนสร้างชาติด้วยเทคโนโลยีแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตอบโจทย์ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและพลังงานของปัจจุบันและอนาคตเพื่อประเทศและคนไทยทุกคน” นายอลงกรณ์ กล่าว

เลือกตั้ง66:ทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์ประกาศรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน

สำหรับ ดร.พิสิฐ  ลี้อาธรรม อดีต รมช.กระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ราคาพลังงานเป็นต้นทุนในการประกอบวิชาชีพในทุกภาคส่วน รวมไปถึงเรื่องของภาระค่าครองชีพของประชาชนด้วย ดังนั้นการรื้อระบบ วิธีคิด ราคา ต้นทุนต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ถ้ามีการยกเลิกค่า FT และปรับโครงสร้างพลังงานตามที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอไป ก็จะได้ราคาพลังงานที่ถูกลง

นอกจากนี้อยากจะให้มีการปรับโครงสร้างของการทำงานในภาคพลังงาน เช่น เรื่องของการที่เรามีสูตรน้ำมันเยอะไปหมด ทั้งเบนซินและดีเซล ให้เหลือ 1-2 สูตรก็พอจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งผู้ผลิตและผู้ขาย ทำให้เรามีต้นทุนที่ต่ำลง รวมไปถึงเรื่องของการคิดราคาจากโรงกลั่น ซึ่งต้องยอมรับว่าโรงกลั่นปัจจุบันที่มีอยู่  5-6 โรง สร้างมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี แล้ว มีการเสื่อมราคาไปหมดแล้ว ดังนั้นการคิดค่าโรงกลั่นมีการบวกค่าเสื่อมราคาไปเกินสมควรหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการเจรจากับผู้ประกอบการ 

รวมไปถึงเรื่องของ รถ EV ประชาชนอยากซื้อแต่ไม่มีไฟฟ้าชาร์จ รัฐบาลต้องสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีการเดินสายไฟฟ้าเพื่อชาร์จรถ EV โดยการลดหย่อนภาษี หรือให้การไฟฟ้าต้องมีการจัดตั้ง รวมไปถึงรถมอเตอร์ไซด์และรถขนส่งสาธารณะต่างๆ เราต้องมีมาตรการปรับเปลี่ยนจากการใช้พลังงานน้ำมันมาใช้พลังงานไฟฟ้าให้มากที่สุดเพื่อลดปัญหามลพิษ และมีมาตราการปลูกป่าอย่างจริงจัง   ทั้งในเชิงพาณิชย์ ในพื้นที่ของรัฐและของชุมชน เพื่อดูดซับมลพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราสามารถนำเอาป่าไม้ที่เกิดขึ้น ที่มีอยู่ 30% ขยายเป็น 50% ของพื้นที่ ซึ่งประเทศสวีเดนทำสำเร็จมาแล้ว สามารถขาย Carbon Credit ซึ่งตลาด Carbon Credit ต้องมีการจัดตั้งอย่างจริงจัง