posttoday

เลือกตั้ง66 : ‘วิโรจน์’ แนะ ‘พีระพันธุ์’ เลิกปราศรัยผลิตซ้ำวาทกรรมชังชาติ

09 เมษายน 2566

ชี้ควรเอาเวลาไปชี้แจงประชาชน ทำไมเศรษฐกิจเหลื่อมล้ำ ยาบ้า-บ่อนเถื่อน-แก๊งคอลเซนเตอร์ จีนเทา เต็มบ้านเต็มเมืองก่อน

วันที่ 9 เมษายน 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อผู้สื่อข่าว กรณี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาไล่คนเห็นต่างออกจากประเทศ พร้อมผลิตซ้ำวาทกรรมชังชาติ ล้มเจ้า ซึ่งเป็นผลผลิตของความขัดแย้งทางการเมืองนานนับทศวรรษนั้น

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทัศนคติเช่นนี้ต่างหากที่เป็นอันตรายต่อชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สุด เพราะเท่ากับเป็นการดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง และแบ่งประชาชนออกเป็นฝักฝ่าย

ผมว่าแทนที่จะไล่ประชาชนที่เห็นต่างออกนอกประเทศ ตีตราประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับตนว่าเป็นคนชังชาติ ล้มสถาบัน สู้เอาเวลาไปชี้แจงประชาชนดีกว่าว่า ทำไมโครงสร้างทางเศรษฐกิจถึงได้เหลื่อมล้ำขนาดนี้ ทำไมนายทุนโรงไฟฟ้าถึงได้รวยเป็นแสนล้าน ในขณะที่ประชาชนคนไทยทุกคนถึงต้องมาถูกรีดไถผ่านบิลค่าไฟราคาแพง ทำไม 8-9 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองถึงเต็มไปด้วยยาบ้า บ่อนเถื่อน เว็บพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทา ทำไมถึงกู้หนี้มหาศาลมาผลาญกับการซื้ออาวุธ

นอกจากนี้ นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงพฤติกรรมของหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติว่า พฤติกรรมแบ่งแยกประชาชนแบบนี้ ส่งผลเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มามากพอแล้ว ยกตัวอย่างเช่นคนสร้างภาพว่าตนเป็นคนที่จงรักภักดี สักหน้าอก "ทรงพระเจริญ" แล้วไปตั้งแชร์ลูกโซ่หลอกลวงประชาชน จนมีมูลค่าความเสียหายเป็นพันล้าน

หรือกรณีที่มาเฟียทุนจีนสีเทา เอาภาพถ่ายที่ไปถ่ายกับพระราชวงศ์ชั้นสูง ไปแอบอ้างสร้างความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังไม่รวมกลุ่มคนอันธพาล ที่อ้างว่าตนเป็นคนที่ปกป้องสถาบันฯ แล้วไปเที่ยวใช้กำลังระรานประชาชนคนที่คิดต่างไปทั่ว เที่ยวไปแจ้งความในมาตรา 112 ตามอคติของตน สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ต้องถามว่าการปกป้องสถาบันฯ ด้วยวิธีการของอันธพาลแบบนี้ ส่งผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริงหรือ

พร้อมทิ้งท้ายให้หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติคนดังกล่าวตระหนักว่า เลิกโหนสถาบัน และขอให้คิดว่าปัญหาแทบทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ก็มาจากการโหนทั้งสิ้น ถ้ายังจะปราศรัยแบบนี้อีก คราวหลังไม่ต้องยืนปราศรัยแล้ว เอาบาร์คู่มาตั้ง แล้วโหนไปพูดไป น่าจะเหมาะกว่า