เลือกตั้ง66:“อภิสิทธิ์”ร่วมเวทีปราศรัยครั้งแรกบนรถโชว์โพลิซี ปชป.
อภิสิทธิ์ ร่วมเวทีปราศรัยรถโชว์โพลิซี ปชป. ครั้งแรก ช่วยชนินทร์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางกอกน้อย-บางพลัด หาเสียง“องอาจ” ขอบคุณชาวบางกอกน้อย-บางพลัดต้นกำเนิดเป็น ส.ส. “มาดามเดียร์” ชี้ ปชป. เป็นสถาบันการเมืองแก้วิกฤตชาติมาทุกครั้ง
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2566 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางกอกน้อย-บางพลัด จัดกิจกรรม "รถโชว์ โพลิซี" (Roadshow Policy) ที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8
สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนชาวฝั่งธนบุรีเดินทางเข้าร่วมฟังปราศรัยเต็มพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีบรรดาแกนนำพรรค อาทิ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค , นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ร่วมให้กำลังใจ และในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ยังมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมกิจกรรมและปราศรัยเป็นเวทีแรก
“องอาจ” ขอบคุณชาวบางกอกน้อย-บางพลัดต้นกำเนิดเป็น ส.ส.
นายองอาจ กล่าวว่า วันนี้ตนได้กลับมาเขตบางพลัด-บางกอกน้อย อีกครั้ง ถือโอกาสมาขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน เพราะประชาชนที่นี่คือผู้ให้กำเนิดตนในทางการเมืองเมื่อปี 2539 ที่ทุกคนได้ไปลงคะแนนกาบัตรเลือกตั้งเลือกให้ตนได้เป็น ส.ส. กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้แม้ว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มี ส.ส. ในพื้นที่ กทม. แม้แต่คนเดียว แต่ตนเชื่อว่าปีนี้เหตุการณ์จะไม่เหมือนกับปีเมื่อ 2562 เพราะในปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์จะแจ้งเกิดใน กทม. โดยจะมี ส.ส. ทั่ว กทม. อย่างแน่นอน
ดร.เอ้ สุชัชชวี ขอแก้ฝุ่นพิษ
ด้าน ศ.ดร.สุชัชชวี กล่าวว่า แม้การเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ตนจะมีคะแนนมาเป็นลำดับที่ 2 แต่ยืนยัน จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ไม่มีท้อ พร้อมกล่าวถึงเขตบางพลัด บางกอกน้อย ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำทะลักเข้าท่วม และทุกวันนี้ กทม.ก็ยังคงประสบปัญหาน้ำท่วม การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่การเลือกแบบแบ่งข้าง แบ่งฝ่าย แต่นโยบายถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้ผ่านกระบวนการ " ฟัง และ คิด" จึงขอโอกาสครั้งนี้ให้ประชาธิปัตย์มีโอกาสได้ "ทำ" ซึ่งวันนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่ประกาศ แก้ปัญหาน้ำท่วมเบ็ดเสร็จ ให้กับคน กทม. รวมถึงนโยบายประกาศทำสงคราม กับฝุ่นพิษ pm2.5 และนโยบายด้านการศึกษา เป็นต้น
“มาดามเดียร์” ชี้ ปชป. เป็นสถาบันการเมืองแก้วิกฤตชาติมาทุกครั้ง
ขณะที่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เราจะไม่ปักธงเฉพาะ ส.ก.เท่านั้น แต่เราจะมี ส.ส. ด้วย ซึ่งตนเชื่อว่าเหตุผลที่ทุกคนยังสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เป็นเสาหลักให้กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และระบบรัฐสภาของประเทศไทยมาตลอด 77 ปี พรรคประชาธิปัตย์เรารู้ว่าเราไม่มีเจ้าของเป็นพรรคเดียวที่ไม่มีกลุ่มทุนที่คอยชี้นำ และเราเชื่อว่าเสียงของชาวบางกอกน้อย บางพลัด และประชาชนจะเป็นเสียงที่ดังที่สุด และเป็นสิ่งที่ทุกคนมั่นใจได้ว่าเมื่อทุกคนเลือก ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปในสภาแล้ว เขาจะเป็น ส.ส.ของประชาชนอย่างแท้จริง
อีกสิ่งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยนั้น นอกจากอุดมการณ์ คือ ประสบการณ์ของพรรคที่มีมายาวนาน 77 ปีที่เราอยู่คู่คนไทย โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤตต่างๆ ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง ที่มีรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย เข้าไปแก้ไข ถัดมาวิกฤติการเงินแฮมเบอร์เกอร์ ครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นรัฐบาลอีกครั้งที่เข้ามาแก้วิกฤตให้กับคนไทย คือ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งให้กับคนไทย และเป็นพรรคการเมืองเดียวที่รู้ว่าจะต้องแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างไร
น.ส.วทันยา ยังย้ำถึงนโยบายกองทุนไอเดียหนึ่งหมื่นล้านบาท โดยพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ พรรคประชาธิปัตย์จึงคิดจัดตั้งมีกองทุนไอเดียหนึ่งหมื่นล้านบาท เพื่อให้ทุกคนได้นำความคิดสร้างสรรค์มาเปลี่ยนเป็นเงิน สร้างรายได้ให้กับตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า นอกจากนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ที่ดีแล้ว ยังมีผู้สมัครที่เก่ง มีความสามารถ และมีอุดมการณ์ อย่างนายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย ซึ่งทำงานการเมือง ทำหน้าที่ช่วยเหลือดูแลพี่น้องชาวบางพลัด-บางกอกน้อยมาอย่างยาวนาน และเป็นผู้สมัครที่ไม่ไหลตามเงินที่พรรคการเมืองอื่น พยายามประมูลตัวซื้อนักการเมืองไป ดังนั้นความหนักแน่นของ ส.ส. ถือว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะต้องเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนในสภา และทั้งหมดนี้ตนมั่นใจว่าพรรคที่หนักแน่นด้วยอุดมการณ์ ประสบการณ์ และนโยบายที่ทำได้จริง รวมถึงตัวผู้สมัครที่จะคอยประสาน กระจายโอกาส กระจายความมั่งคั่ง ให้กับทุกคน ต่อไปนี้ฝั่งธนที่เขาบอกว่าเป็นลูกเมียน้อยจะหมดไป จะเหลือเพียงบางกอกน้อย บางพลัด กับเรา และพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น
“ชนินทร์”เน้นนโยบายปากท้อง จัดที่ขายให้ร้านค้าชุมชน
นายชนินทร์ กล่าวว่า หลายพรรคมีนโยบายที่จะดูแลประชาชน แต่สิ่งที่จะแตกต่างของพรรคประชาธิปัตย์ คือ เป็นนโยบายที่เราฟังประชาชน โดยกระบวนการฟัง-คิด-ทำ เป็นกระบวนการที่นำไปสู่นโยบายที่แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด โดยนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คือ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เพราะเป็นปัญหาอย่างแรกที่ประชาชนเดือดร้อน และเป็นสิ่งที่พรรคให้ความสำคัญเป็นสิ่งแรก โดยเฉพาะเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งประชาชนเดือดร้อนกับปัญหาเศรษฐกิจมาโดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงมีนโยบายที่จะมุ่งมั่นที่จะหยุดความจน กระจายความรวย นโยบายวันนี้จึงจะเป็นนโยบายที่เสริมสร้างมดตัวเล็ก อย่างเช่น ธนาคารชุมชน 2ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์เรื่องการเงินให้ประชาชนที่จะเปิดธุรกิจหรือขยายธุรกิจ นโยบายกองทุนไอเดียหนึ่งหมื่นล้านบาท นโยบายการลดภาษีร้านค้าชุมชน รวมถึงเรื่องของค่าขนส่งสินค้า เพื่อเสริมสร้างธุรกิจขนาดเล็กย่อยให้มีกำลังมากขึ้น
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะจัดตั้งอาสาสมัครพารวยทุกชุมชน โดยจะเป็นกลุ่มคนที่จะช่วยแนะนำแก้ไขปัญหาต่างๆ ประสานกับหน่วยราชการ เพื่อให้ร้านค้าในชุมชนทำธุรกิจได้สำเร็จ รวมถึงการทำโซนนิ่งเพื่อปากท้อง ที่ผ่านมาร้านค้าในชุมชนล้มหายตายจากไปจำนวนมาก เพราะมีร้านค้ากลุ่มทุนใหญ่เข้ามาแย่งลูกค้า พรรคประชาธิปัตย์จึงจะจัดเขตโซนนิ่งเพื่อไม่ให้มีร้านค้ากลุ่มทุนเข้าไปในชุมชนหากชุมชนไม่อนุญาต ทั้งนี้เพราะพรรคเป็นพรรคที่อยู่มานาน และจะอยู่ต่อไปอีกนาน เราจึงคิดนโยบายแบบยาวๆ นโยบายที่ล่อซื้อเสียงประชาชน เงินประชาชน จะไม่เกิดขึ้นกับพรรค
“การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตรสองใบ เลือกคนที่ใช่กับเลือกพรรคที่ชอบ ดังนั้นผมขอเป็นคนที่ใช่ได้หรือไม่ ผมมั่นใจว่าผมเป็นทางเลือกที่ไม่ต้องรอการพิสูจน์ ผมมั่นใจว่าผมทำงานให้กับท่านได้ ส.ส.พื้นที่ต้องเข้มแข็ง งานในสภาต้องเต็มที่กับงานในพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนตลอดเวลา ผมเป็นนักการเมืองมายาวนานเกือบ30ปี ผมเป็นคนบางกอกน้อย ผมพูดได้เต็มปากว่าก้าวเดินของผมเคียงข้างกับประชาชนมาตลอด” นายชนินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ นายชนินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ตนทำงานการเมืองมาตั้งแต่ปี 37 เป็น ส.ก. มา3สมัย และเป็น ส.ส. ปี 2550 ซึ่งก่อนมาเป็น ส.ส. ตนไม่ได้อยู่พรรคประขาธิปัตย์ แต่ในปี 2548 คนที่ทำให้ตนเกิดมาเป็น ส.ส. ได้ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นคนชักชวนตนมา ดังนั้นตนจะได้เป็น ส.ส. อีกครั้ง เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยวันนี้จึงต้องเชิญนายอภิสิทธิ์มาในวันนี้
อภิสิทธิ์ ย้ำไม่ลงเลือกตั้งแต่ช่วยงานพรรคเต็มที่
จากนั้น นายอภิสิทธิ ได้กล่าวขอบคุณที่ชาวบางพลัด-บางกอกน้อย ว่าให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และชมว่าหล่อขึ้น วันนี้ตนมาด้วยความผูกพัน แม้ครั้งนี้ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ย้ำเสมอว่ายังคงอยู่กับพรรคและเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ตนมาด้วยความเต็มใจ ขอกราบขอบพระคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ มาอย่างยาวนานต่อเนื่อง ซึ่งตนมีโอกาสทำงานมากว่า 30 ปี เคยเป็นหัวหน้าพรรค ที่ถือว่าเป็นเวลายาวนานพอสมควร แต่มีคนที่อยู่มายาวนานก่อนตน คือ นายองอาจ และเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่มาตลอด ถือว่าเป็นแบบฉบับของนักการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์นำมาเสนอให้กับประชาชน และประชาชนเป็นคนสร้างขึ้นมา รวมถึง ดร.รัชดา ธนาดิเรก ที่ทำงานเป็นทีมมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นายชนินท์ เคยเป็น สก. รับใช้พี่น้องมาตั้งแต่ปี 2537 ตนเป็นคนโทรหาหัวหน้าพรรคเดิม นายสมัคร สุนทรเวช ที่นายชนินท์ สังกัดอยู่ขณะนั้น เพื่อขอให้นายชนินทร์ มาร่วมงานด้วย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทำกันแล้ว ที่ย้ายพรรคกันไม่เห็นมีใครโทรไปขอใคร ปัจจุบันพรรคประชาธิปัตย์ มีสมาชิกที่มีคุณภาพ แบบรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งคนใหม่ที่มีอุดมการณ์ตรงกับพรรค ทั้ง ดร.เอ้ และมาดามเดียร์ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญให้กับพรรคต่อไป
“ผมนั้น 4 ปีที่ผ่านมา พูดไม่ได้แบบเต็มปากเต็มคำ ว่ามีคนจากพรรคการเมืองนั้น พรรคการเมืองนี้ มาชักชวนไปร่วมงาน เพราะก่อนที่จะเข้ามาหา ก็จะทราบดีว่า ไอ้มาร์คกรีดเลือดออกมาเป็นสีฟ้า" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า ตนไม่ไปไหน แม้ไม่ลงสมัคร แต่ก็ยืนยันกับผู้บริหารพรรคไปแล้ว ว่าจะทำงานอย่างเต็มกำลัง ตนขอให้พี่น้องเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบัน และที่สำคัญคนที่จะเสนอนโยบายในพรรค ถูกบังคับว่า ถ้าจะทำต้องหาข้อมูล ต้องเป็นนโยบายที่คิดแล้วทำได้ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า มาวันนี้ขอให้เชื่อมั่นในพรรค และคนที่ประชาชนสร้างโอบอุ้มขึ้นมาเอง เพื่อให้ทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป และขอให้ทุกคนช่วยเลือก ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ