posttoday

เลือกตั้ง66: รทสช.เปิดตัว"ประยุทธ์-พีระพันธุ์"แคนดิเดตนายกฯพรรค

25 มีนาคม 2566

พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัว "ประยุทธ์-พีระพันธุ์" นั่งแคนดิเดตนายกฯพรรคและว่าที่ผู้สมัคร 400 เขต ทำการเมืองสร้างสรรค์ไม่โจมตีให้ร้ายใคร มีหัวใจสีม่วงพูดโกหกไม่เป็น หวังอยู่ครบ 4 ปีสมัยหน้า

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 พรรครวมไทยสร้างชาติ​ หรือ​ รทสช.​ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ และเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยเมื่อพล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ เดินทางมาถึง เมืองทองธานีสถานที่จัดงาน มีเหล่าบรรดาแกนนำให้การต้อนรับ รวมไปถึงแฟนคลับมารอให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก 

จากนั้น มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 400 เขต พื้นที่ภาคอีสาน​ เช่น นายวิทยา​ แก้วภารดัย ,นายปรีชา​ เร่งสมบูรณ์สุข​ ,นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท พื้นที่ภาคเหนือนำโดยนายจุติ​ ไกรฤกษ์​ ,นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ,นายแพทย์ปรีชา มุสิกุล​ อดีตส.สพรรคประชาธิปัตย์ ,นายศรัณย์​วุฒิ​ ศรัณย์เกตุ อดีตส.ส.​ พรรคเพื่อชาติ ,นายนิโรธ​ สุนทรเลขา​ อดีตส.ส.พรรคพลังประชารัฐ​

ภาคกลางนำโดย นายสุชาติ​ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน​ ,นายอัคเดช​ วงษ์พิทักษ์​โรจน์​ อดีตส.ส.​ ประชาธิปัต​ย์ ,น.ส.กุลวดี นพอมรวดี​ อดีตส.ส.พลังประชา​รัฐ​ ,น.ส.ฐิติพัฒน์​ โชติเชดาชัยอนันต์​ อดีตส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ,นางรังสิมา​ รอดรัศมี​ อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์

ส่วนพื้นที่ภาคใต้​ นำโดย​ นายธนกร​ วังบุญคงชนะ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ,นายวิสุทธิ์​ ธรรมเพชร​ เจ้าของพื้นที่จังหวัดพัทลุง​ ,ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 33 เขตของกรุงเทพมหานคร นำโดย พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ,นายอนุชา​ บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง​ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ,น.ส.ทิพานัน​ ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จากนั้น นายพีระพันธุ์​ กล่าวว่า พรรคตั้งเมื่อ 7 เดือนที่ผ่านมา ต้องใช้ความอดทนมานะ เพราะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ แต่เพียง 7 เดือน มีความพร้อม สามารถชนะทุกพรรคในการเตรียมตัวเลือกตั้ง บอกอยู่การเมืองมา ​ 30 ปี ตลอดเส้นทางการเมืองของตนอยากเห็นพรรคการเมือง ที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนอย่างแท้จริง แล้วต้องเป็นพรรคที่ทำงานเพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยหัวใจซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่โกง ไม่กิน และเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวที่ทำเพื่อชาติและประชาชน​ ไม่โกง​ ไม่กิน​ มีคติประจำใจว่า​ ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ

"การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นการเลือกคนที่จะมานำพาประเทศให้เดินหน้าไปแบบใหม่​ แต่พรรครวมไทย สร้างชาติ ขอประกาศนำพาประเทศไทยของพวกเราให้เป็นประเทศที่มีความสุข มีความมั่นคง มีความสามัคคีปรองดองพูดแล้วเราทำแล้ว ภายใต้ 3 สีแ ดง ขาวน้ำเงิน​ คือ​ ประเทศไทย  พลเอกประยุทธ์เคยพูดว่า หาก​ 2 ปีต่อไป กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนไทยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน​  8 ปี ที่ผ่านมาประชาชนทุกคนเห็นการเปลี่ยนแปลง​ ทั้งโครงสร้างระบบคมนาคม ความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย และการแก้ปัญหาโควิด​" นายพีระพันธ์ กล่าว 
 
ต่อมา นายกรัฐมนตรี​ ได้ขึ้นกล่าวขอบคุณทุกคนที่ตัดสินใจมาอยู่ร่วมกับเรา รวมไทยสร้างชาติทั้ง 400 เขต โดยระบุว่า รู้สึกตื่นเต้นพอสมควร ที่ได้พบสมาชิกครบทั้งพรรค ส่วนใหญ่ก็จำหน้ากันได้ทั้งหมดแล้ว ตนมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือจำชื่อไม่ค่อยได้ วันนี้ตนไม่ได้มาในนามนายกรัฐมนตรี คนที่มาบางคนก็เป็นส.ส.มาก่อน เป็นทั้งคนรุ่นกลาง รุ่นเก่า รุ่นใหม่

หากเปรียบเทียบกับรถก็เป็นรถที่ใช้น้ำมัน และรถยนต์ไฮบริด และรถที่ใช้ไฟฟ้า คนเหล่านี้ที่รับทราบว่าคนแต่ละยุค แต่ละวัยเขาคิดอะไร แล้วเราจะทำอย่างไร ทำได้มากน้อยแค่ไหนพวกเรายืนยันว่าเราจะขับเคลื่อนไปด้วยกันให้คนทุกวัยของประเทศ เดินหน้าไปตามวิสัยทัศน์ของเรา เดินหน้าไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน เพราะคือยุทธศาสตร์พรรค

โดยยืนยันว่า ทุกคนไม่มีแสวงหาผลประโยชน์ ทุกนโยบายถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และสัญญาว่าจะทำสิ่งที่ว่าโดยใช้ความรู้ประสบการณ์ที่มีอยู่ปรับบ้าง อะไรบ้าง ตามสถานการณ์ตามยุคสมัย​ พร้อมถามว่าใครบริหารมาถึงทุกวันนี้ เศรษฐกิจจึงเดินหน้ามาได้ ซึ่งประชาชนก็ตะโกนตอบว่า​ ลุงตู่

พร้อมพูดติดตลกกับหัวหน้าพรรคว่า หากมี ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ 400 คน เข้าอยู่ในสภาแล้วจะทำอย่างไร เราต้องร่วมกันคิดร่วมกันทำ รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย ตนเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก แต่เป็นคนจริงใจ ฉะนั้นเราจะต้องมีหัวใจอันยิ่งใหญ่ ตนมีหัวใจสีม่วง วันนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาโกหกพูดให้ตัวเองดูดี ไม่ใช่เพราะเคยเป็นทหารมาก่อน กรมทหารคือมีสัญลักษณ์หัวใจสีม่วง ต้องถามหมอเหรียญทองอีกที คำว่าหัวใจสีม่วงคืออะไร หัวใจของคนใกล้ตาย 

ดังนั้น จึงเป็นหัวใจที่ไม่พูดความเท็จ พูดโกหกไม่ได้เพราะอย่างไรก็ใกล้ตาย แต่ไม่ใช่ว่าตนจะตาย แต่เปรียบเทียบให้ฟัง เพราะพูดด้วยความจริงใจ เราทั้ง 400 คน รับจะดูแลคนทั้งประเทศ ในเมื่อทุกคนมีความรู้ มีประสบการณ์ที่หลากหลายแต่เป้าหมายเดียวกัน พร้อมชูกำปั้นตะโกน คำว่ารวมไทยสร้างชาติ 3 ครั้ง

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่าจะทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติ​ เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง​ เป็นทางเลือกหลักของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ทางผ่าน เราต้องเป็นสายตรง สายหลักมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่ทางผ่านของใคร หากใครจะมาก็คงต้องขออนุมัติขึ้นทางผ่านขอให้ร่วมมือกัน และได้ ส.ส. มากที่สุดก็แล้วกัน เพราะคนของเราไม่ใช่พรรคการเมืองใหม่ คนของเราเป็นคนใหม่ แต่ตนหน้าเก่า

ส่วนสโลแกน ของพรรค​คือ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ แต่หลังจากนี้จะเป็นทำแล้ว​ ทำอยู่​ ทำต่อพลัส ประเทศไทยต้องไปต่อ ต้องดีกว่ารุ่นของเรายิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยการพัฒนาร่วมมือกัน หากไม่ร่วมมือกัน คงไปไม่ได้ทั้งหมด​ รวมไปถึงยังระบุว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคการเมืองน้ำดี รวมไปถึงเป็นพรรคที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง​  เราขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้ว วันนี้ต้องทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ตนเป็นลูกผู้ชายพอ เราจะไม่โจมตี​ ไม่ให้ร้าย​ เราจะทำของเรา ขออาสาจะทำให้ประชาชนมีความสุขให้ได้มากที่สุด
 
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แต่ก่อนบางจังหวัดไปไม่ได้ เขาไม่ให้ไปหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนี้ไปทั้งหมด  ทำงานมา 8 ปี ไปทุกจังหวัด ต้องทำงานให้คนทั้งประเทศ​ พร้อมกับกล่าวว่า ตนยอมรับความเห็นต่าง แต่ไม่แตกแยก ยึดถือแนวทางนี้มาตลอด ความสุขของคนไทยเป็นกำไรของทุกคนในประเทศชาติ เพราะทุกคนเป็นหุ้นส่วนของประเทศ จะต้องได้กำไรส่วนนี้ ตนและพวกเราไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น ที่ผ่านมารัฐบาลมีเสถียรภาพ ครบวาระขาดอีกไม่กี่วันถึงยุบสภาฯ​ แต่รัฐบาลหน้าอยู่ให้ครบ​ 4 ปีเต็ม​

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เสนอแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี​ ลำดับที่​ 2 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ นายพีระพันธุ์หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

ขณะเดียวกันภายในงานยังมีการเปิดตัวเพลงใหม่ชื่อว่า "ลุงตู่อยู่ไหน" เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเพลงที่กลุ่มนักศึกษาแต่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตแรก และเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้วเสร็จ โดย พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำอยู่ภายในห้องรับรอง ได้มีชายวัยรุ่นเดินชู 3 นิ้ว เข้ามาภายในงาน พร้อมระบุว่า ไม่ได้ตั้งใจมาแสดงออก แต่รู้สึกไม่พอใจ ก่อนที่ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวจะถูกกองเชียร์พาออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการปะทะกันแต่อย่างใด