เช็คชีพจร SME พบ ภาคบริการ ฮีโร่ ปั้น GDP สูงสุด 1.9 ล้านล้านบาท
SME GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 พบมูลค่า 4.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.8% ของ GDP ประเทศ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.4% ภาคบริการปั้น GDP สูงสุด
นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ภาพรวมของ SME ในปัจจุบัน SME ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 มีผู้ประกอบการ SME จำนวน3,255,957 ราย คิดเป็น 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อน
ทั้งนี้ ธุรกิจรายย่อย เป็นธุรกิจที่มีจำนวนมากที่สุด คือมีสัดส่วนถึง 84% เพิ่มขึ้น 0.4% และเมื่อจำแนกตามสาขาธุรกิจแล้ว มี SME อยู่ในภาคการค้ามากที่สุด รองลงมาคือภาคบริการ และภาคการผลิต สำหรับการจ้างงานของ SME นั้น มีการจ้างงานสูงถึง 13.4 ล้านคน คิดเป็น 68.8% ของการจ้างงานรวมทั้งหมด โดยที่ภาคบริการมีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็น 44.8%
สำหรับ SME GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 มีมูลค่า 4.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.8% ของ GDP ประเทศ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาคบริการมีส่วนสร้าง SME GDP ได้มากที่สุดอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท
สสว. คาดการณ์ว่า SME GDP ปี 2568 จะขยายตัวได้ 2.5% และมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.0 - 2.8% ในปี 2569 จากปัจจัยสนับสนุนด้านการส่งออก มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย รายได้จากภาคการท่องเที่ยว และเงินเฟ้อต่ำที่ยังช่วยประคองต้นทุนได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง สินค้าทะลักจากต่างประเทศ และภัยธรรมชาติ
สำหรับการค้าระหว่างประเทศของ SME ใน 10 เดือนแรกของปี 2568 พบว่า SME มีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 1,329,783 ล้านบาท คิดเป็น 14.3% ของมูลค่าส่งออกรวม สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ตลาดส่งออกอันดับ 1 ของ SME คือสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วน 20.1% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของ SME
การนำเข้า พบว่า SME มีมูลค่านำเข้าอยู่ที่ 1,645,492 ล้านบาท คิดเป็น 17.2% ของมูลค่าการนำเข้ารวม สินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ
แหล่งนำเข้าสินค้าที่สำคัญของ SME คือ จีน ที่มีสัดส่วนถึง 46.4% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดของ SME


