posttoday

เลือกตั้ง66:เปิดเบื้องลึก วงหารือ 4หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่างยุค

21 มีนาคม 2566

เปิดเบื้องลึก 4หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่างยุค ร่วมหารือดัน จุรินทร์ แคนดิเดตนายกฯ อภิสิทธิ์ ย้ำชัด ไม่อยากเห็นพรรคไม่มีเอกภาพ ยินดีช่วยหาเสียง ปัด อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง วิเคราะห์หลังเลือกตั้ง ประยุทธ์ ไม่ง่าย กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ ติด 2 เงื่อนไขหลัก

มีรายงานว่า เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 20 มี.ค.นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมรับประทานอาหารร่วมกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แห่งหนึ่งย่านราขประสงค์  เพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ การเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ มีข้อสรุปว่า นายชวน นายบัญญัติ จะลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ไม่ลงสมัคร แต่อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 3คน จะช่วยรณรงค์หาเสียง สนับสนุนนายจุรินทร์ และผู้สมัครส.ส.ของพรรคอย่างเต็มที่

เหตุผลที่นายอภิสิทธิ์ เว้นวรรคการลงส.ส. เพราะเกรงว่าจะมีประเด็นถูกจับจ้อง ยังมีแนวคิด ในการไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ รวมทั้งประเด็นท่าทีจุดยืนกับพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ จึงตัดสินใจ เสนอตัวว่า เพื่อให้ไม่มีประเด็นทางการเมือง และถูกจับจ้องเรื่องท่าทีของพรรคว่าจะอยู่ขั้วการเมืองใด จึงของดเว้นการลงสมัครส.ส.ในสมัยนี้ แต่จะสนับสนุน และรณรงค์ช่วยหาเสียงให้พรรคและผู้สมัครอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ 4 หัวหน้าพรรคประชาธิปัคย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีความเห็นตรงกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสได้ที่นั่งส.ส. มากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562

ต่อมาวันที่21มี.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางช่องเนชั่นทีวี กรณี ทำไมเว้นวรรคการเมือง ตอนหนึ่งว่า  เคยเป็นอดีตส.ส. อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และได้ลาออก เมื่อผลการเลือกตั้งปี2562 ออกมา ต่อมาลาออกจากส.ส. เนื่องจากตอนนั้น ได้ประกาศว่า จะไม่ไปร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ แต่ต่อมามีการไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่ได้หาเสียงว่า ไม่เข้าร่วม เลยรักษาคำพูด ขอรับผิดชอบ  

ในวันนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ลาออก เมื่อคืนวันที่20มี.ค. หัวหน้าพรรค รวมทั้งนายชวน นายบัญญัติ อดีตหัวหน้าพรรค ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันว่า อะไรน่าจะดีที่สุด ได้พูดไปว่า ทุกคนทราบดี แนวคิดของผม หลายๆเรื่อง ช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้ตรง สอดคล้องกับการดำเนินการของพรรคมากนัก หากลงสมัครรับเลือกตั้ง จะเกิดความสับสน ไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งไม่น่าเป็นผลดีกับพรรค เพราะครั้งนี้ หลายพรรคการเมืองถือว่าเป็นศึกหนักทางการเมือง ถ้าพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ยังสับสน ไม่มีเอกภาพ คงไม่น่าเป็นผลดีกับพรรค ดังนั้นเรื่องที่เหมาะสมลงตัวที่สุด ผมไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนจะไปช่วยผู้สมัครส.ส.ของพรรคหรือไม่ คงเป็นไปตามความต้องการผู้สมัครแต่ละคน เมื่อไปช่วยแล้ว ไม่ให้กระทบกระเทือนการบริหารงานหลักของพรรค โดยการเลือกตั้ง2566 นายชวน นายบัญญัติ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะยังลงสมัครรับเลือกตั้ง 

การที่ตัดสินใจร่วมกัน เพราะผมได้พูดตั้งแต่ต้น ไม่มีความประสงค์ขัดแย้งกับพรรค หากถามว่า ผมอยากเป็นส.ส.หรือไม่ ตั้งแต่ทำงานการเมืองมา ก็เป็นส.ส. หากลงบัญชีรายชื่อ ก็คงอยู่ในอันดับได้เป็นส.ส. แต่ก็คิดถึงองค์กร ภาพรวมของพรรค สิ่งที่ทำให้ได้ดีที่สุดของพรรคคือ สนับสนุนเท่าที่ทำได้ หากนำผมไปวางเป็นผู้สมัคร น่าเป็นปัญหาเชิงเอกภาพ และคงไม่เป็นธรรมกับผู้เลือกตั้งเท่าไหร่ ประชาธิปัตย์คืออะไร เลือกมาอีกอย่าง ทำอีกอย่าง ถ้าลงเลือกตั้ง คงมีคำถามตั้งแต่วันนี้ ถึงหลังเลือกตั้ง

ผู้ดำเนินรายการถามว่า หากเข้าไป กังวลคนจะสับสน ประชาธิปัตย์อะไรยังไง แสดงว่า ได้ทำนาย ประชาธิปัตย์ อาจจะไปจับขั้วเดิม แล้วขัดแย้งอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้ไปทำนายอะไร แต่ปัจจุบันถึงเลือกตั้ง ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ ก็ปฏิบัติหน้าที่จนกว่ามีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา เท่าที่ติดตามการทำหน้าที่ของหัวหน้าพรรค ที่บอกขอดูตัวเลขก่อน จะได้มาเท่าไหร่ เหมือนยังไม่ตอบ เพื่อให้ผู้บริหารพรรค ทำงานได้ง่ายที่สุด ก็ไม่อยากเป็นอุปสรรค เงื่อนไข หลังเลือกตั้ง จะกลับเข้ามาอีกหรือไม่นั้น ทำงานการเมือง ไม่ได้เอาตัวผมเป็นตัวตั้ง เป็นแค่นักการเมืองคนหนึ่ง อยู่ในระบบ ยังอยู่กับประชาธิปัตย์ ใครที่ยังไม่สนิทใจอะไร ไม่ได้หมายความว่าต้องออกจากพรรค ย้ายพรรค ตั้งพรรคใหม่ ก็คิดว่า ทำแบบสากล ใครอาจยังไม่สนิทใจบางเรื่องบางราว ก็ปรับบทบาทตัวเองในพรรคลงมา เหมือนกับสมาชิกพรรคทั่วไป เป็นแนวทางการเมืองที่ยึดถือตลอด

ถามว่า พอมีปัญหา การล่ารายชื่อ กรรมการบริหารจะลาออก การเปลี่ยนแปลง ยังมีชื่อนายอภิสิทธิ์เข้าไปเกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สมาชิกพรรคมีความหลากหลาย ข่าวการล่ารายชื่อ ผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งมีสมาชิกโทรศัพท์มาหา ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง จะกลับหรือไม่ ก็ตอบไปว่า ไม่กลับ เพราะขณะนี้ พรรคตกลงปลงใจไปร่วมรัฐบาล การจะเปลี่ยนแปลง จะเอาตนกลับไป ไม่ใช่แค่นั้นอย่างเดียว ยังส่งผลกระทบต่อการร่วมรัฐบาล เรื่องประเทศ อะไรต่างๆ ไม่ใช่วิธีการที่จะไปทำอะไรแบบนั้น ขอยืนยันว่า ยังไม่กลับ อันนี้คือเรื่องจริง พูดได้ 

ถามว่า มีการบอกว่านายอภิสิทธิ์อยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอบได้เต็มปากเต็มคำ ไม่มี ถ้าทำ ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้ 

ถามว่า ถ้ามีการเปลี่ยนม้ากลางศึก ประชาธิปัตย์ ถูกวิจารณ์เยอะ คนเลยพูดถึงนายอภิสิทิ์ ขึ้นไปชูคะแนนนิยมให้พรรคกลับมา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ มีความเห็น วิเคราะห์ แต่ทุกอย่างต้องเดินไปตามระบบ พรรคก็มีการบริหาร มีมติเป็นไปตามลำดับ พอมีคนออกไป ก็มีการเลือกเข้ามา มาจนถึงการจะเสนอชื่อ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ พรรคก็มีมติไปเรียบร้อยแล้ว ผู้บริหาร มีความมั่นอกมั่นใจ เขาก็ยืนยันว่า ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ทำได้ ต้องให้โอกาสไปตามแนวทาง มากกว่าทำให้เกิดปัญหาอุปสรรค โดยไม่จำเป็น ได้พูดทั้งหัวหน้าพรรค และอดีตหัวหน้าพรรค ว่า ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัยว่า ผมยังอยู่กับพรรคหรือไม่ ก็ยังไม่มีอาการแม้แต่น้อยนิด จะไปตั้งพรรคใหม่ หรือย้ายพรรค ไม่เคย แต่ยึดคติการทำงานว่า องค์กรใหญ่กว่า เรื่องส่วนรวมสำคัญกว่า ไม่ได้มาตั้งว่า เพื่อตัวของเราในวันนี้หรือวันข้างหน้า

ถามว่า ประเมินความนิยมประชาธิปัตย์ในปี2566 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อีก50กว่าวัน ก็ได้คำตอบแล้ว การเมืองตั้งแต่ปี2562-2566 แม้สภาฯอยู่ครบเทอม แต่การแบ่งขั้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่ มีกรณีเดียวคือ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจับมือได้ทุกขั้ว แต่ในแง่คนสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ นายทักษิณ ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนเลยประเมิน การหาเสียง แข่งขัน ไม่ได้หวังจะไปดึงฝ่ายตรงข้าม เร็วๆนี้ นิด้าโพล์บอกว่า ที่บอกคนยังไม่ตัดสินใจเลย ค่อนข้างน้อยมาก เหมือนพอจะรู้แล้วว่า จะเลือกใคร การจะเปลี่ยนข้ามขั้วคงน้อยมาก เลยได้เห็นการแข่งขันในขั้วเดียวกันเยอะมาก มีการกระทบกระทั่งกัน ทั้งในซีกรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน มองว่า ภาพรวม2566 หรือ 2562 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก วันนี้ถึงวันเลือกตั้ง คงเป็นการหาเสียง และขยายในส่วนของตัวเอง 

ถามว่า ประชาธิปัตย์ อาจจะเหนื่อย นายอภิสิทธิ์กล่าว่า ผู้บริหาร แนวทางก็คือ พูดถึงผลงาน นโยบายที่เสนอมาใหม่ คงไปแข่งขันตรงนั้น 
    

นายอภิสิทธิ์ วิเคราะห์การเมืองหลังการเลือกตั้ง โอกาสที่จะเป็นนรัฐบาลว่า พูดตรงไปตรงมา นิด้าโพล เป็นโพลที่ทำ มีความต่อเนื่อง มีฐาน รูปแบบการสำรวจที่เป็นมาตรฐาน หากดูผลตรงนี้ ถามคอการเมือง พรรคเพื่อไทย ยังเป็นพรรคใหญ่ที่สุด เพียงแต่จะได้เสียงข้างมากในสภาฯหรือไม่ พรรคอันดับ2 อาจจะไม่ถึง100เสียงก็ได้ บรรยากาศหลังเลือกตั้ง เป็นบรรยากาศ พรรคเพื่อไทย ได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล แต่เรามีรัฐธรรมนูญมาตรา272 คือ 250 เสียงยังไม่ได้ ต้องได้ 375 เสียง ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่มีการวิเคราะห์ จะจับมือ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีทั้งส.ส.และสว.พอโน้มน้าวให้มาเลือกได้ รูปการณ์คงไปทางนั้นก่อน ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ อยู่กับตัวเลขและเงื่อนไขอื่นๆ รวมทั้งท่าทีพรรคอื่น เป็นอย่างไร พรรคก้าวไกล ประกาศชัดว่า ร่วมงานกับใครได้บ้าง พรรคภูมิใจไทย ดูเหมือนไม่ปฏิเสธใคร เช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ ถ้าผลเป็นไปตาม โพลบอกขนาดนี้ ต้องไปเริ่มที่พรรคเพื่อไทยก่อน ที่ได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล

"ถ้าเพื่อไทยได้เกิน250 เสียง ถ้ารัฐบาลไปตั้งโดยไม่มีเพื่อไทย แต่ถ้าเขาเกิน อยู่ที่ว่าให้เขาตั้งรัฐบาลอย่างไร เงื่อนไขเป็นอย่างไร อาจรวมไปถึงนายกฯด้วย ถ้าไม่ถึง 250 จะมีช่องทางอื่นๆมากขึ้น เชื่อว่า เพื่อไทยก็ทราบดี กว่าจะเริ่มตั้งต้นรัฐบาล ได้ ต้องมีนายกฯ จะมีนายกฯได้ ต้องได้ 375 เสียงก่อน ใครได้ 375 หรือใกล้กับ 375 ก็มีโอกาส จึงมีการขยับตัวเลขมา 310 พอถึงตัวเลขนี้ เขาก็เชื่อว่าเดี๋ยวอีก 60 เสียงก็ตามมา จาก 250 ไป 310 เขาน่าจะไปกินจากพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน เพราะคะแนนขั้วเดียวกัน เสียงที่ไปเติมให้ถึง 375 เสียง จาก 310 เป็น 375 แล้วอีก 60 เสียงตรงนี้ ก็อาจมาจากขั้วเดียวกัน ที่จะถูกนับอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยังนึกไม่ออก สว.จะทำให้เกิดสุญญากาศแล้วคาดหวังอะไร ไม่มีรัฐบาล มีแต่รัฐบาลรักษาการอย่างนั้นหรือ จะเกิดแรงกดดันจากสังคม คงไม่ง่ายสว. ที่จะอธิบาย ทำไมทำให้เกิดสุญญากาศ แต่จะต่อรองอะไรหรือไม่ เชื่อว่า ทำได้ ไม่ว่าจะโดยเปิดเผยหรือไม่ เพราะกติกา อนุญาติให้เข้าอธิบายได้ แต่หากเกิดสุญญากาศแล้วเดินไม่ได้ ก็จะตอบไม่ได้ว่า ทำไปเพื่ออะไร"นายอภิสิทธิ์กล่าว

กรณีพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะกลับมาได้ ต้องทำให้พรรคที่สนับสนุน มีเสียงเกิน250 เสียง การตั้งรัฐบาลโดยเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะในภาวะถ้าเพื่อไทยได้เสียงเกิน 250 ยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ด้วย ที่ต่างประกาศไม่สนับสนุนท่าน คงอยู่ยาก จะกลับมาคือ พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้เสียงเกินครึ่ง และให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยอมรับให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย โดยเงื่อนไข ประยุทธ์ มีเงื่อนไข ทำอย่างไรให้ได้เสียงเกิน250 และหัวหน้าพรรคขั้วเดิม ยอมรับให้ท่านเป็นนายกฯ ไม่ใช่งานง่ายสำหรับพล.อ.ประยุทธ์

ผู้ดำเนินรายการถามอีกว่า พล.อ.ประวิตร ข้ามขั้วได้ง่ายกว่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเดินแยกทางพล.อ.ประวิตร คงตั้งใจอยู่แล้ว การสื่อสารผ่านจดหมาย ก้าวข้ามความขัดแย้ง ได้วางตำแหน่งพรรคพลังประชารัฐใหม่ พร้อมทำงานกับพรรคที่เคยแบ่งขั้ว แต่จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง พลังประชารัฐ มีกำลังเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มีคนมอง พล.อ.ประวิตร มีความได้เปรียบน่าจะโน้วน้ามสว.ได้อีกส่วนหนึ่ง 

เมื่อถามว่าคะแนนพล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ คะแนนจะไหลไปไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คะแนนที่สนับสนุนพลังประชารัฐ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ คะแนนที่เคยเลือก พลังประชารัฐ ในภาคใต้ แนวโน้ม ที่เคยเลือกพลังประชารัฐ มีแนวโน้มไป พรรครวมไทยสร้างชาติ น่าจะตาม พล.อ.ประยุทธ์ไป ส่วนพื้นที่อื่น ก็เป็นอีกเงื่อนไข บ้านใหญ่หากยังอยู่ พลังประชารัฐ อาจไม่ไปกับพล.อ.ประยุทธ์ คะแนนซีกรัฐบาล หากเทียบกับปี2562 เมื่อดูผลสำรวจ มันลดลง อยู่ที่ว่า ช่วงการเลือกตั้งจะดึงกลับมาได้หรือไม่ ขณะที่ความนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ภาคใต้ชัดเจนกว่าที่อื่น และที่อื่น ในหมู่ซีกรัฐบาล ท่านยังเป็นอันดับ1อยู่ ปฏิเสธไม่ได้  จากการสำรวจต่างๆ

ในตอนท้าย ผู้ดำเนินรายการ ขอให้อวยพร พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 21มี.ค. เป็นวันคล้ายวันเกิด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขออวยพรให้ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสุข