posttoday

เลือกตั้ง66: สุวัจน์ดันซอฟต์เพาเวอร์เต็มสูบปลุกไทยเมืองท่องเที่ยว

13 มีนาคม 2566

'สุวัจน์ ลิปตพัลลภ' หารายได้เข้าประเทศเพิ่มอีก 5 ล้านล้านบาท ผลักดัน 5 นโยบาย ‘มีงาน มีเงิน ของไม่แพง’รื้อโครงสร้างพลังงาน ค่าใช้จ่าย – เชื่อมรถไฟดัน ‘อีสานสู่โลก’คอนเฟิร์มมีงานใหม่ เงินใหม่ หนุนซอฟต์เพาเวอร์เต็มที่

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ดีเบตบนเวที “มติชน: เลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย” ที่โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ) ภายใต้หัวข้อ “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง”ว่า แนวทางหารายได้อยู่บนพื้นฐานนโยบาย ‘มีงาน มีเงิน และของไม่แพง’ ฉะนั้น เศรษฐกิจใหม่ที่จะหาเงินเข้าประเทศ เราจะต้องมองถึงจุดแข็งของประเทศ พรรคชาติพัฒนากล้า ได้พัฒนานโยบายแรกคือ จะหารายได้เข้าประเทศ เพิ่มเติมอีก 5 ล้านล้านบาท จากนโยบายเศรษฐกิจหลากสี อะไรที่ยังไม่เป็นธุรกิจ อะไรที่เป็นจุดแข็ง หยิบเอามาสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น นโยบายเศรษฐกิจสีขาว ท่องเที่ยวสายงู นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว คาร์บอนฟุตปรินต์ รถ EV หรือ นโยบายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสีซิลเวอร์ ผู้สูงอายุ สุขภาพ Wellness หรือนโยบายเศรษฐกิจสีรุ้ง ความเท่าเทียมกัน นโยบายต่างๆ เหล่านี้จะนำไปสู่การหารายได้ใหม่ๆ เข้าประเทศ

“หัวหน้าพรรคคำนวณไว้แล้วว่า อย่างน้อย 5 ล้านล้านบาท ที่จะเป็นเงินใหม่งานใหม่ เร็วที่สุดวันนี้ต้อง ‘ท่องเที่ยว’ ซึ่งไม่ต้องการความเชื่อมั่นอะไรมากหรอก ขอให้มาเมืองไทยแล้วปลอดภัย 40 ล้านคน เคยเอารายได้เข้าประเทศ 2 ล้านล้านบาท นโยบาย 4 ปีข้างหน้า ’40 ล้านต้องเป็น 2 เท่า’ คนไทย 1 คน รับนักท่องเที่ยว 1 คน รายได้จากการท่องเที่ยว 40 ล้านคน อยู่คนละ 10 วัน วันละ 50,000 บาท เราบอกว่า 40 ล้าน เป็น 70 ล้านได้ไหม อยู่ 10 วัน เป็น 12 วันได้ไหม ใช้จ่ายวันละ 5,000 เป็น 6,000 ได้ไหม 70 ล้าน x 12 วัน x 6,000 บาท กลายเป็น 5 ล้านล้านบาททันที ซึ่งเราทำได้อยู่แล้ว เพราะประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวของโลกและเราก็มีความพร้อม” นายสุวัจน์กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า นโยบายที่ 3 ใช้พลังซอฟต์เพาเวอร์ ในเรื่อง ‘Film – Fighting – Fashion – Food festival’ บูมกันให้เต็มที่ เพราะเป็นจุดแข็งของสังคมไทย ใครก็มาแย่งซอฟต์เพาเวอร์ของเราไปไม่ได้ อันนี้คือการหารายได้เข้าประเทศที่เร็วที่สุด

เรื่องที่ 4 การเกษตร จุดแข็งของสังคมไทย เราเป็นมหาอำนาจทางด้านการเกษตร แต่วันนี้เราส่งเป็นสินค้าวัตถุดิบ เพียงเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมเท่านั้น งานอีกหลายล้านตำแหน่ง รายได้อีกหลายร้อยเท่าจะเข้ามาทันที

“เมื่อวานนี้ ผมเพิ่งไปประกาศนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ (Koratnomics) อีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ เพราะสภาพภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยนไป วันนี้อีสานไม่ใช่อินโดจีนอย่างเดียว อีสานคือจีน คือยุโรป คือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ผ่านเส้นทางสายใหม่ของจีน เพียงแค่ต่อเส้นทางการคมนาคม รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง M6 มอเตอร์เวย์ ไปถึงหนองคาย เวียงจันทน์เท่านั้นเราจะเชื่อมอีสานสู่โลก แล้วอีสานจะเป็นแผ่นดิน เป็นระเบียงเศรษฐกิจที่จะมาสร้างจีดีพีใหม่ ให้กับประเทศ 5 นโยบายนี้ จะสร้างความมั่งคั่ง รายได้ใหม่ และแก้ไขปัญหาให้กับประเทศได้ทั้งหมด” นายสุวัจน์กล่าว

นายสุวัจน์กล่าวสรุปในช่วง 1 นาทีสุดท้ายว่า ในเรื่องการหารายได้ ก็หาไป แต่การลดรายจ่าย คือการเพิ่มรายได้ทางอ้อมอีกทาง พรรคชาติพัฒนากล้า เสนอการ ‘ลดรายจ่าย’ ด้วยการ 

1.รื้อโครงสร้างพลังงาน เพื่อที่จะลดค่าน้ำมัน ลดค่าแก๊ส ลดค่าไฟฟ้าให้กับพี่น้องประชาชน ในค่าการกลั่น ต้นทุนตลาด การที่ไฟฟ้ามาจากพลังงานทดแทนจะช่วยเพิ่มรายได้ทางอ้อม
2.ปรับโครงสร้างภาษี รายได้ 40,000 ไม่ต้องเสียภาษี แก้ทั้งความเหลื่อมล้ำ แล้วเอาค่าภาษีนี้ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเชิงนโยบาย ถือเป็นการสร้างความยั่งยืน มั่งคั่ง และแก้ไขปัญหาทุกสิ่งไม่ให้เป็นภาระกับพี่น้องประชาชนในระยะยาว