posttoday

เลือกตั้ง66 : ส่องประวัติ ดาวรุ่งพรรคประชาธิปัตย์ “ภาณรินทร์ อินสกุล”

12 มีนาคม 2566

ทายาทปลัดเกษตรฯ ลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก ปักธง “สุพรรณบุรี” ชูนโยบายไม่ขายฝัน ทำได้จริง พร้อมอาสาพัฒนาบ้านเกิด

เปิดประวัติ “ภาณรินทร์ อินสกุล” ทายาทคนโตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ประยูร อินสกุล” กับการตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยวัย 25 ปี ฐานเศรษฐกิจ มีโอกาสสัมภาษณ์ แบบคำต่อคำ เพื่อให้รู้จักตัวตนที่แท้จริง กับ สโลแกนประจำตัว “เลือดสุพรรณ” “ ยึดถือยึดมั่น” และ “กตัญญู” 

 

นายภาณรินทร์  กล่าวว่า  ตนสนใจการเมืองตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะได้คลุกคลีกับวงการนี้มาสักพักหนึ่ง ใน 25 ปี ได้เห็นอะไรเยอะมากกับความเป็นไปในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดสุพรรณบุรี หรือที่อื่นๆ โดยในปีนี้ได้ตัดสินใจลงสนามการเลือกตั้งครั้งแรก เรียกว่า “ป้ายแดง” ได้ ที่มีโอกาสได้อาสา ต้องขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รวมทั้งผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่ได้ให้โอกาสอาสารับใช้พี่น้องประชาชน ซึ่งการก้าวมาเส้นทางนี้ ในความคิด คือ ต้องใช้ใจล้วนๆ

 

 

จาก 25 ปี ที่เติบโตขึ้นมาเห็นอะไรหลายอย่าง จึงมีแค่ใจกับความมุ่งมั่นที่จะทำให้ดีออกมาในหลายด้าน ตัวเองเป็นบุคลากรทางการแพทย์ จบวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาไปเดินแนะนำตัวกับชาวบ้านต่างๆ ในภาคเกษตรกรและอาชีพอื่นๆ สิ่งที่พบเจอขัดกับจรรยาบรรณของตน คือ ป่วย แต่ไม่ได้รับการรักษา ทานยากันไม่เป็น ไม่ไปโรงพยาบาล จะทำงานหาเงินกันอย่างเดียวไม่ได้

 

เพราะสุขภาพจะต้องไปควบคู่ไป เพราะถ้าสุขภาพดี เศรษฐกิจดี ไปต่อกันได้ ซึ่งตรงนี้ได้ชูเป็นจุดขาย เป็นความมุ่งมั่นที่ต้องการก็คือต่อไปทุกคนจะต้องได้รับการบริการทางการแพทย์ที่ดีมีคุณภาพจากโรงพยาบาลรัฐ ไม่ใช่ว่าจะต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนอย่างเดียว ต้องได้รับยาที่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน

 

สำหรับความเป็นตัวตน จะมีสโลแกน อยู่ 3-4 คำ ได้แก่  “เลือดสุพรรณ” “ยึดถือยึดมั่น” และ “กตัญญู” เริ่มจากคำว่า “เลือดสุพรรณ”  ผมเป็นลูกหม้อ ลูกของคนสุพรรณบุรีโดยแท้ เกิดอำเภอศรีประจันต์ วัดเสือ เป็นเลือดสุพรรณโดยกำเนิด และคิดว่าเลือดสุพรรณในตัวผมไม่ได้จางไปกว่ารุ่นเก่าคนไหน ไม่รู้ว่าจะข้นกว่าหรือเปล่า ด้วยวัย ด้วยไฟ ด้วยอุดมการณ์ของผม

 

ส่วนคำว่า “ยึดถือ ยึดมั่น” คือ  คำพูดเป็นนายเราพูดอะไรออกไป อย่าไปขายฝัน ต้องทำให้ได้ “กตัญญู” ถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก ต้องกตัญญูต้องผู้มีพระคุณ ประชาชนเป็นผู้มีพระคุณกับผม ถ้าไม่เลือก ไม่ให้คะแนนเสียงกับผมผมจะเข้าไปทำได้อย่างไร เราต้องมีความกตัญญูร่วมด้วย
 

 

ถามว่าการเข้าครั้งนี้มีความคาดหวังหรือไม่ นายภาณรินทร์ กล่าวว่า พอได้มีโอกาสลงเลือกตั้งแล้ว ทุกคนมีความคาดหวังหมดว่าจะต้องสอบผ่านในรอบนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้อย่างที่หวัง ตามความฝันได้หรือไม่ที่จะได้สานต่อในสิ่งที่อยากทำหลายๆอย่าง พยายามทำให้เต็มที่ที่สุดในระยะเวลาที่หาเสียงได้ จะทำให้เต็มที่จะได้ไม่เสียใจทีหลังว่า ทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ได้หรือไม่ได้ให้ผลออกมาเอง ผมรู้ผมเชื่อว่าประชาชนยุคใหม่ คิดกันเป็นแล้ว

 

เหตุผลที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ 1.คือผมชื่นชอบ ผมไม่ได้ขายฝัน เข้าไปสัมผัสนโยบายทำได้จริง ลงพื้นที่ไปแนะนำตัว และก็ลงถามกับชาวบ้าน ก็พบว่าชาวบ้านตอบกลับมาชัดว่าประโยชน์ถึงเกษตรกรจริง ไม่ว่าจะเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกร และเงินค่าปรับปรุง ไร่ละ 1,000 บาท ชาวนาได้กี่ไร่ ก็จ่ายครอบครัวตรง สูงสุด 20 ไร่ 2 หมื่นบ้าน และสิ่งสำคัญใจล้วนๆ อย่างที่งานที่จัดขึ้นที่อำเภออู่ทอง (วันที่ 10 มี.ค.66) ซึ่งท่านรัฐมนตรีฯ ได้ประกาศอยู่บนเวทีมองว่า ขณะเลขาพรรคใจยังถึงขนาดนี้ผมว่าไปต่อได้

 

ส่วนเพื่อนในวัยเดียวกัน หลายคนก็บอกว่า ชื่อเสีย กระแสตกแล้ว เป็นพรรคการเมืองที่ถอยไปอยู่อันดับ 4 หรือ อันดับ 5  แต่การที่ประชาธิปัตย์ สร้างคน สร้างงาน สร้างชาติ ส่วนที่ออกไปก็เยอะ ส่วนที่เข้ามาใหม่ก็มีมากควรให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาจะมีชุดความคิดใหม่ๆไปผสมผสานกับความคิดหลายท่านที่อยู่มาก่อน มีลักษณะเป็นส่วนเสริมมากว่า สามารถช่วยให้ไปต่อได้ เรียกว่า กำลังปรับมาพัฒนาให้ดีกว่าเดิม

 

“ผมก็จะตอบเพื่อนในลักษณะนี้อยู่เสมอ ดังนั้นในสุดท้ายนี้ อยากจะฝากถึงพี่น้องในจังหวัดสุพรรณบุรีขอโอกาสให้ลูกหลานได้กลับมาพัฒนาบ้านเรา อยากให้โฟกัสกันที่ปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเรามุ่งมั่นอยากจะทำอะไร ก็ขอให้มองที่ปัจจุบันพอ อากง สอนเสมอ ปัจจุบันสำคัญที่สุด คนเราไม่รู้อดีตเป็นอย่างไรบ้าง ขอให้ปัจจุบันและทำอนาคตให้ดี”