เดินตลาดนัดวินเทจ งานปริ้นเซส คัพ 2017

เรื่อง สมแขก

กีฬาขี่ม้า ถือว่าเป็นกีฬาแห่งความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกเพศ หรือจำกัดอายุของนักกีฬา เป็นกีฬาเพียงชนิดเดียวที่คนและสัตว์เป็นทีมเดียวกัน และ "งานปริ้นเซส คัพ ไทยแลนด์ 2017 (Princess's Cup 2017)" ชิงถ้วยประทานพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ สำหรับการจัดการแข่งขันขี่ม้าในประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ตามพระดำริของพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ องค์ประธานคณะกรรมการอำนวยการนโยบายในการจัดการแข่งขัน โดยในปีนี้จัดให้มีขึ้นเมื่อปลายเดือน พ.ย. ณ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า

ในปีนี้มีความน่าตื่นเต้นมากขึ้น นอกจากจะมีการแข่งขันที่ใหญ่และหลากหลายทั้งระดับยุวชน เยาวชนมาคัดเลือกทีมชาติและมีนักกีฬาต่างชาติมาร่วมแข่งขันด้วย เช่น กาตาร์ ญี่ปุ่น แถมยกระดับจัดการแข่งขันแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ ศิลปะบังคับม้า (Dressage) ขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show Jumping) อีเวนติ้ง (Eventing) สุดยอดผู้ดูแลม้า (Best Groom) และสุดยอดช่างเกือก (Best Farrier)

อีเวนต์ใหญ่ขึ้นเพราะนอกจากการแข่งขันแล้ว ยังจะมีงานแฟร์และกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ทั้งการประกวดและแข่งขันสุนัข ประกวดสุนัขพันธุ์เล็ก Toy Group (Specialty) ประกวดสุนัขพันธุ์ไทย การแข่งขันสุนัขใช้งานตามมาตรฐานสากล (IPO) และประกวดสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดประเภทสวยงาม การแสดงโชว์จากสุนัขทรงเลี้ยง และกิจกรรมขี่ม้าโพนี่ นิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกีฬาขี่ม้า

หนึ่งไฮไลต์ที่เพิ่มพิเศษที่ใครจะคิดว่างานตลาดนัดวินเทจสไตล์อเมริกันจะมีเกิดขึ้นในค่ายทหาร แต่เกิดขึ้นแล้วในงานจัดการแข่งขันขี่ม้ารายการ ปริ้นเซส คัพ ในปีนี้ ก็คือ Flea Market จากกลุ่มคนที่จุดกระแสตลาดนัด วินเทจสไตล์อเมริกันให้ได้รับความนิยมในไทย โดย เมด บาย เลกาซี่ (Made By Legacy) คอมมูนิตี้ของคนที่รักและหลงใหลกับไลฟ์สไตล์ในเสน่ห์แห่งของเก่าแสนวินเทจ รวมถึงงานศิลปะและงานคราฟต์ (Arts & Crafts) ถ่ายทอดผ่านแฟชั่นเสื้อผ้า การแต่งตัว เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน และอีกมากมาย

โดยในงาน ปริ้นเซส คัพ 2017 มีร้านค้าให้ช็อปกว่า 68 ร้านค้า เช่น แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร้าน Wooden Submarine ที่มีบลูยีนส์แนววินเทจให้เลือก ร้าน The Met ร้าน Granny Venus ชุดสวยสมัยคุณยายยังสวย ร้าน Hippi 80's ที่รวบรวมเสื้อผ้าวินเทจจาก ทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่

หนึ่งในแม่งานการจัดงานครั้งนี้ อย่าง โอม-นารา เกตุสิงห์ เลขาธิการสมาคมกีฬา ขี่ม้าแห่งประเทศไทย เล่าย้อนความประทับใจในตลาดนัดวินเทจส่วนตัวว่า

"คอนเซ็ปต์ตลาดนัดแบบนี้เกิดขึ้นใน ต่างประเทศมานานแล้ว ผมเรียกว่าเป็นวีกเอนด์มาร์เก็ต จริงๆ แล้วสมัยเรียนที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย จะมีตลาดชื่อ Camberwell มีทุกวันอาทิตย์ จัดกลางแจ้ง อากาศดี เขาเอาของในบ้านมาแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายกันในราคา ไม่แพงมาก บางสิ่งอาจจะไม่จำเป็นต่อเขาแต่จำเป็นต่อเรา ผมว่ามันจับต้องได้จริง บรรยากาศกลมกลืน อย่างที่เห็นว่าเราเอาฟางมาปู เรา ไม่ได้ต้องการให้เป็นตลาดไฮเอนด์ ตลาดแบบนี้เข้าถึงได้ทุกระดับ อาจจะเป็นกลุ่มตลาดกลางขึ้นไป ผมว่าเป็นอะไรที่น่ารัก

การเลือกคอนเซ็ปต์ตลาดที่เข้ากับไลฟ์สไตล์แบบนี้ เขาก็มีคอมมูนิตี้ของเขา อีกอย่างคือมันเป็นเทรนด์ของไทยตอนนี้ ซึ่งในนิวยอร์กและเมลเบิร์นตลาดแบบนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ ลูกเล่นที่ทำให้ตลาดแบบนี้มีความน่ารักอยู่ คุณพ่อมาดูของแต่งบ้าน กระเป๋าหนัง คุณแม่มาดูเสื้อผ้า เด็กๆ มาดูงานคราฟต์ ตุ๊กตา ไลฟ์สไตล์สำหรับวัยรุ่นก็มีทุกอย่าง เขาได้ช็อป เขาได้ชิม เขาได้แชร์บรรยากาศการแข่งขันกีฬาขี่ม้า อาหารก็เป็นฟู้ดทรัคที่หลากหลาย ทั้งอาหารไทย เบอร์เกอร์ มีข้าว เดินทานก็ได้ เครื่องดื่มก็มีทั้งซอฟต์ดริงก์เสิร์ฟในแก้วที่เข้ากับบรรยากาศ เราคาดหวังว่าตลาดจะเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่ทำให้คนเข้ามาชมและสนใจกีฬาขี่ม้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ และกลุ่มครอบครัว"

โอม นารา แนะนำและว่า ส่วนงานปีหน้าจะมีคอนเซ็ปต์อย่างไร ต้องติดตาม และคาดหวังว่าประชากรที่มาขี่ม้าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนตลาดซื้อขายของที่เป็นจุดเชื่อมโยงของการรวมกลุ่มแบบคอมมูนิตี้ที่ชัดเจนและเป็นอิสระแบบเมด บาย เลกาซี่ มีเสน่ห์แรงดึงดูดจนสามารถดึงดูด นอกจากคนไทยแล้ว คนต่างชาติเองก็ชอบกันมากๆ อยากให้มีกิจกรรมแบบนี้ตลอดไป ติดตามตลาดนัดสุดคูลครั้งต่อๆ ไป ที่ www.facebook.com/MadeByLegacy