"ผู้ทรงเกียรติ"หรือ"ผู้ทรงเกลียด"
ชำแหละความพยายามขย่มกกต. มาจากฟากผู้พลาดโอกาสเข้าสภาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนว่าที่ส.ส.จะดัวยระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อที่ออกมาเย้วๆ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองวางฐานมวลชนไว้พิง ไม่ถึงกับหวังผลให้ล้มเลือกตั้ง
ชำแหละความพยายามขย่มกกต. มาจากฟากผู้พลาดโอกาสเข้าสภาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนว่าที่ส.ส.จะดัวยระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อที่ออกมาเย้วๆก็เพื่อสร้างอำนาจต่อรองวางฐานมวลชนไว้พิงเท่านั้น ไม่ถึงกับหวังผลล้มเลือกตั้ง
********************
โดย....อสนีบาต [email protected]
...นับตั้งแต่หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์รายวันมีอันต้องพลัดพรากจากมือคุณผู้อ่าน ...อสนีบาต...และชาวคณะ ต้องระเหเร่ร่อนไปตามเส้นทางแยก แต่มาวันนี้พายุฤดูร้อนหอบ"ความเป็นสื่อ"กลับมาพบคุณผู้อ่านอีกครั้ง ในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ชื่อ”โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ www.postoday.com ซึ่งจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดนักเสพข่าวทั้งหลายทุกสัปดาห์
…เฝ้ามอง “กรรมการการเลือกตั้ง”(กกต.) ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งจนเลือกตั้งเสร็จสิ้น แต่สำหรับบางคนบางกลุ่มกลับไม่ยอมจบออกแรงเขย่า ขาเก้าอี้กกต. ทุกสามเวลาหลังอาหาร
... แต่ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเตือนภัย กลับไม่รู้สึกถึงความรุนแรงไม่จำเป็นต้องออกประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะวิเคราะห์จากแรงสั่นสะเทือนอยู่ในระดับไม่ถึงหนึ่งริกเตอร์ กล่าวได้ว่าไม่ทำให้บาดเจ็บและล้มตาย หรือเก้าอี้หัก ...นั่นหล่ะท่าน
.... ชำแหละความพยายามขย่มกกต. มาจากฟากผู้พลาดโอกาสเข้าสภาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนว่าที่ส.ส.จะดัวยระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อที่ออกมาเย้วๆ รวมถึงจัดโฆษกหน้าแฉล้มแถลงข่าวเป็นระวิงเพื่อสร้างอำนาจต่อรองวางฐานมวลชนไว้พิง ไม่ถึงกับหวังผลให้ล้มผลเลือกตั้ง
.. เป็นธรรมดาของนักแข่งขันในสนามการเมือง ผู้ชนะต้องรักษาชั้นเชิง ส่วนผู้แพ้ (โดยเฉพาะพวกไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ซะด้วยสิ) ต้องงัดยุทธวิธีบนดินใต้ดินสร้างกระแสดิสเครดิต ทำลายล้าง เผื่อมีโอกาส"ฟลุ๊ค" พลิกนับหนึ่งใหม่ กลับมาเป็นผู้ชนะกับเขาบ้าง แต่น่าจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ
...เอาหล่ะ! จำแนกให้เห็นสักหน่อย ต่อประดาตัวตั้งตัวดีเขย่าเก้าอี้กกต. หนีไม่พ้น “กลุ่มสนับสนุนคนแดนไกล”ใช้สถานการณ์ความอึมครึมจากการไม่ประกาศผลเลือกตั้งผสมโรงก่อกวนเพื่อให้การบริหารประเทศของรัฐบาลคสช.เสียทรง
... กลุ่มสองคือ "พวกได้สิทธิ์พักร้อนการเมืองระยะยาว” มีทั้งพวกโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองมิอาจลืมตาอ้าปากไต่บันไดเข้าสภา แม้แต่ไปรับตำแหน่งทางการเมืองในอนาคตก็หมดสิทธิ์ ซึ่งแตกสาขามาจากกลุ่มสนับสนุนคนแดนไกล คอยบริหารวาทกรรม ปั่นกระแสความวุ่นวายกันไป
.... ส่วนอีกกลุ่ม คือ “พวกตัดสูทไส่เนคไทเตรียมเข้าสภา” หากแต่ดันมีชนักติดหลังด้วยคดีความกับคสช.และกกต. ต่างรู้สึกหวั่นไหวอาจได้เป็นแค่ส.ส.นอกสภา จึงต้องเปิดฉากจัดทีมผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์การประชาสัมพันธ์
...กระหน่ำข่าวสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูดีไม่มีด่างพร้อย พร้อมกับยิงข่าวรัวๆ ทำลายความน่าเชื่อถือกกต. รวมไปถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจ มุ่งสร้างกระแสกดดันการทำงานตรวจสอบองค์กรอิสระ เพื่อตนเองจะได้มีที่ยืนทางการเมืองและสร้างฐานมวลชนเป็นที่ยึดในยามคับขัน
.... บนความเป็นไป ผู้เล่นในสนามเลือกตั้งทั้งหลาย อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็น มีความเข้าใจต่อกระบวนการทำงานของกกต. จะต้องมีการพิจารณาสำนวนร้องเรียนการกระทำทุจริต จะต้องแจกใบเหลืองส้มแดงดำในช่วงไหน จะมีการเลือกตั้งซ่อมเมื่อไหร่ อีกทั้งต้องประกาศรับรองผู้ทรงเกียรติเข้าสภา ล้วนมีกรอบเวลาตามกฎหมายกำหนด จึงไม่ได้เป็นการปิดบังซ่อนเร้นอะไรกันเลย แต่ถ้าเกินกรอบเวลานั่นสิ ต้องมาว่ากันหล่ะ
...มิพักกล่าวถึงสารพัดติวเตอร์ด้านการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่างโชว์ฟอร์มคิดจำนวนที่นั่งในสภาแบบต่างคนต่างสูตรจนออกทะเล ไม่ตรงกันสักคน ทั้งที่กกต.มีสูตรเดียวตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่พวกอยากรู้ไวชิงคำนวณกันเองก่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคตนเองมากที่สุดมิใช่หรือ
...เพื่อจะได้เอาไปอ้างจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นต่อรองรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลมิใช่หรือ แล้วทันทีที่คำนวณได้ตัวเลขไม่ตรงกับกกต.เกิดอาการหัวร้อนสิ ทั้งๆที่กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลการได้ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างเป็นทางการสักคน เนื่องจากต้องรอพิจารณาส.ส.รายเขต ใครโดนใบแดง หรือจะเลือกตั้งซ่อมย่อมมีผลให้ตัวเลขส.ส.บัญชีรายชื่อเคลื่อนไปอีก
...นักการเมืองต่างรู้ดิ แต่กลับหาทางสร้างความปั่นป่วนไปวันๆ อย่าลืมนะแต่ละพรรคมีแฟนคลับ เมื่อพยายามสร้างข่าวเท็จ ปล่อยข่าวมั่ว มุ่งสร้างความขัดแย้งผ่านทางโลกโซเชียล คราวนี้เปิดฉากรบกันทางโลกโซเชียลระเบิดเถิดเทิง
...ประชาชนอย่างเราท่านจึงต้องใช้สติวิจารณญาณ แยกแยะ ไม่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของการลวงหลอกปลุกระดม
...“ทบทวนความจำกันหน่อย ชนวนความขัดแย้งนำไปสู่ความรุนแรงในบ้านเมืองที่ผ่านมากี่ยุคกี่สมัย เริ่มจากนักการเมืองไทยสไตล์0.4 ทั้งนั้น ”
.... สรุปความ สถานการณ์กกต.ขณะนี้ ไม่มีอะไรหนักใจ เพียงแต่มีขบวนการปั่นข่าวจากไม่มีอะไรแต่ต้องการให้มีอะไร เมื่อเป็นฉนี้ กกต.ซึ่งนั่งสมาธิปราศจากเครื่องคิดเลขอดทนมานานแล้วถึงเวลาเอาคืนบ้าง ไม่ต้องการให้ถูกชกอยู่ข้างเดียว จึงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายเช่นกันในการจัดการกับพวกที่สร้างความเสียหาย สร้างความสับสน วุ่นวายให้กกต.และประเทศชาติ
...ถามว่า จะให้กกต.นิ่งเฉยต่อการสร้างข่าวเท็จปล่อยข่าวมั่วทำลายระบบการเลือกตั้ง เพราะกำลังลามไปถึงสร้างความขัดแย้งให้บ้านเมืองกระนั่นหรือ นักคิด นักวาทกรรมเฮชสปีดที่มีงานถนัดปลุกระดม อ้างสิทธิประชาธิปไตยฝ่ายเดียว กรุณาใช้หัวแม่เท้าคิดหน่อย
“ใจร่มๆ คิดกันให้ดีๆ หากไม่มีกกต. บรรดาว่าที่ผู้ทรงเกียรติจะได้เข้าสภากันไหม หรืออยากเป็นผู้ทรงเกลียดอย่างนี้ตลอดไป"