เป็นไปแล้ว! ประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 12 ปี ยังไม่ได้รถสักคัน
เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 จนถึงบัดนี้เป็นเวลา 12 ปี แล้ว ขสมก.ก็ยังไม่สามารถจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีได้แม้แต่คันเดียว เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า ขสมก.จัดทำข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (Terms of Reference หรือ ทีโออาร์) และข้อกำหนดทางเทคนิค (Specifications หรือ สเปก) ที่ไม่เป็นธรรม อีกทั้ง มีการกำหนดราคากลางที่ไม่เหมาะสม
ขสมก.ดำเนินการประมูลมาหลายครั้งในหลายรัฐบาลจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน มีการแบ่งการประมูลออกเป็นระยะๆ โดยการประมูลระยะที่ 1 ขสมก.ต้องการซื้อรถจำนวน 489 คัน จากจำนวนทั้งหมด 3,183 คัน นอกจากนี้ ยังมีการปรับแก้ทีโออาร์ และสเปก รวมทั้งปรับลดราคากลาง แต่ ขสมก.ก็ยังไม่สามารถซื้อรถเมล์เอ็นจีวีได้เลย
เหตุที่ก๊าซธรรมชาติเป็นที่นิยมใช้กันในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสารสาธารณะ และรถบรรทุกก็เพราะว่าก๊าซธรรมชาติมีราคาต่ำ เนื่องจากภาครัฐอุดหนุนราคา โดยตรึงราคาให้ต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าการใช้น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซล แต่เมื่อรัฐบาลปล่อยราคาก๊าซธรรมชาติให้ลอยตัวตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.2559 เป็นต้นมา ทำให้การใช้รถเอ็นจีวีประหยัดได้น้อยลง ต้นทุนโดยรวมเมื่อคิดค่าบำรุงรักษาด้วยเริ่มไม่คุ้มค่า เพราะค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติสูงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือน้ำมันดีเซลมาก
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถเอ็นจีวีทุกประเภทถดถอย กล่าวคือ บริษัทที่รับติดตั้งถังก๊าซและอุปกรณ์เพื่อใช้กับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้ปิดตัวลงจำนวนมาก ภาคธุรกิจขนส่งก็ทยอยถอดถังก๊าซและเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ผู้ประกอบกิจการขายรถบรรทุกรายใหญ่จากญี่ปุ่นรายหนึ่งได้ยุติการผลิตรถบรรทุกที่ใช้ก๊าซธรรมชาติแล้ว อีกทั้ง ราคาขายรถบรรทุกเอ็นจีวีเก่าตกลงมากเพราะไม่มีใครอยากซื้อ
ผมอยากให้ ขสมก.สามารถจัดซื้อรถเมล์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงเหมาะสมกับยุคสมัยได้ในเร็ววันนี้ แทนรถเมล์เก่าที่ใช้งานมานานหลายปีแล้ว เพื่อความสะดวกสบายของพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล