posttoday

ผบช.ปส.จับลูกชายเจ้าของร้านทองชื่อดังเมืองกาญจน์พัวพันยาเสพติด

27 พฤษภาคม 2564

กาญจนบุรี-ผบช.ปส.นำชุดสยบไพรีจับลูกชายเจ้าของห้างทองชื่อดังข้อหาฟอกเงินและพัวพันยาเสพติดอายัดทรัพย์มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทไว้ตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 27พ.ค.64 พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารและเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สยบไพรี บช.ปส. นำหมายจับศาลอาญาที่ 286/2564 ลงวันที่ 27 พ.ค.64 เข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นร้านทองแห่หนึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.อู่ทอง ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรีจับกุมลูกชายเจ้าของห้างฯ ตามแผนยุทธการสยบไพรี 64/8 “สยบตะนาวศรี”ข้อหา “ฐาน สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด รับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” เบื้องต้นลูกชายเจ้าของห้างทองผู้ต้องหาให้การว่าทำการซื้อ-ขายทอง อย่างถูกต้องตามกฎหมายและร้านก็ได้ส่งข้อมูลของลูกค้าที่สั่งซื้อทองคำจำนวนมากผิดปกติให้กับปปง.ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ขณะที่ญาติผู้ต้องหากล่าวกับสื่อมวลชนว่า ห้างทองแห่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหากมีการนำเสนอภาพป้ายชื่อร้านหรือภาพภายในร้านออกไปจะไม่ยอมโดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นการทำให้ห้างทองเสียชื่อเสียงเจ้าของร้านยินดีที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นตามหมายค้นได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้วย

พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 เปิดเผยว่า จากการจับกุมและซักถามผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด งร้านดังกล่าวมีความเชื่อมโยงทางการเงินกับเครือข่ายมลยี จาก จ.กาญจนบุรี ไปยังกลุ่ม อ.แม่สอด จ.ตากมีเงินหมุนเวียน มากกว่า 2,000 ล้านบาท จึงขอศาลออกหมายจับตาม พ.ร.บ.มาตรการฯและพ.ร.บ.ฟอกเงิน รวม 11 หมาย ฐานสมคบฯ สนับสนุนฯ ฟอกเงินฯ และสมคบฟอกเงินฯและผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 5 คนอีก 6 คนหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศซึ่งทรัพย์สินที่ยึดอายัดเอาไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 1 หลัง 3 คูหา ราคาประมาณ 7,000,000 บาท ทองรูปประพรรณ ราคาประมาณ 13,000,000 บาท รถยนต์เก๋ง จำนวน 4 คัน มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มูลค่าประมาณ 70,000 บาท และเงินสด จำนวน 5,000,000 บาท รวม 30,070,000 บาท

ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบเบื้องต้นว่าเจ้าของร้านทองมีคดีฟอกเงิน ของ ปปง.หลายคดี สำนักงาน ป.ป.ส.ตำรวจ ปส.ตำรวจภูธรภาค 7 รวมทั้งทหาร และฝ่ายปกครองร่วมกันสืบทราบว่า เส้นทางเงินจากการค้ายาเสพติดได้เข้ามาสู่ร้านทองทรัพย์ทวีแห่งนี้เป็นจำนวนมากมีวอลุ่มอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท จึงมีการสืบสวนจนเป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนหลายคน ดังนั้น บช.ปส.4 จึงได้มีการขออนุมัติออกหมายจับ และสามารถจับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนและสอบสวนคดีนี้คาดว่าน่าจะเป็นคดีตัวอย่างของเมืองกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบนำยาเสพติดออกมาจากชายแดนโดยตรง และยังมีการลักลอบฟอกเงินที่นำเงินออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 พ.ค.64 เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาวัย64ปี ที่บ้านเช่าเลขที่ 13 หมู่ 9 บ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และนำไปควบคุมและสอบสวนที่ บก.ร้อย ตชด.134เป็นเครือข่ายเดียวกันกับลูกชายเจ้าของร้านองทรัพย์ทวี ซึ่งพล.ต.ท. มนตรี กล่าวว่าผู้ต้องหารายนี้ทำหน้าที่ไปกดเงินเพื่อนำไปส่งให้กับแหล่งผลิตยาเสพติดรวมทั้งโอนเงินมาให้กับร้านทองด้วย