เตือนภัย!แก๊งปลอมเฟซบุ๊กหลอกโอนเงินซื้อสินค้ากว่า4ล้านบาท

ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค3 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ทภาณุรัตน์ หบักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงจับกุมผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.นายวันเฉลิม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.1/2561 ข้อหาว่า ฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ 2.นางสาวจุรีพร ตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.1/2564 ในข้อหาฉ้อโกงและ3.นางสาวพัชรา ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.239/2563 ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 เวลา 16.45 น. ผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกให้โอนเงินค้าสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ต เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สอยดาว จ.จันทบุรี ว่า ถูกคนร้ายเข้ามาทักทายติดต่อขายล้อแม็ครถยนต์ จำนวน 11,500 บาท จึงโอนเงินเข้าบัญชีของน.ส.จุรีพรเมื่อโอนเงินเสร็จได้โทรศัพท์แจ้งว่า ผู้เสียหายไม่ได้ทำบันทึกช่วยจำว่าเป็นเจ้าของบัญชีจริงจะโอนเงินคืนให้ แต่ต้องโอนเงินเข้ามาเป็นครั้งที่สองจำนวน 11,500 บาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ และอยากได้เงินคืน จึงตกลงทำตามขั้นตอนที่คนร้ายหลอกลวงรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 358,155 บาทจากนั้นคนร้ายจึงยักย้ายถ่ายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารอื่นไม่ได้โอนเงินคืนให้กับผู้เสียหาย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการกระทำเป็นขบวนการหลอกลวงผู้เสียหายที่สั่งซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต ได้แก่ ล้อแม็ครถยนต์ ทองคำ กระเป๋าแบรนด์เนม และสินค้าอื่นๆ เมื่อกลุ่มคนร้ายพบว่ามีผู้เสียหายออนไลน์สนใจสินค้าชนิดใด ก็จะปลอมเพจเฟซบุ๊กเลียนแบบเพจสินค้าจริงทักผู้เสียหายผ่านแมสเซนเจอร์เพื่อแจ้งว่ามีสินค้าพร้อมทั้งแจ้งราคา เมื่อผู้เสียหายตกลงซื้อสินค้า คนร้ายจะหลอกให้โอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งเข้าไปบัญชีธนาคารแะใช้เล่ห์เหลี่ยมว่า ไม่ได้ทำบันทึกช่วยจำ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินจำนวนมากเข้าไปอีก จากนั้นคนร้ายก็จะรีบโอนเงินไปยังบัญชีอื่นโดยผู้เสียหายไม่รู้และคนร้ายจะไปถอนเงินออกมาทั้งหมด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายเปิดบัญชีในพื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ จึงร่วมกันสืบสวนจนทราบแหล่งกบดานก่อนจะเข้าจับกุมคนร้ายทั้ง 3 ได้ พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นเงินสด จำนวน 451,170 บาท,สมุดเงินฝากธนาคาร พร้อมบัตรเครดิตจำนวนหลายรายการ ,โทรศัพท์ จำนวน 6 เครื่อง และซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 14 ซิม

ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเปิดเฟซบุ๊กปลอมมาหลอกลวงผู้เสียหลายครั้งแล้วแต่ละครั้งรวมมูลค่าความเสียหาย 4,000,000บาท