posttoday

ท่องเที่ยวพัทยาพังยับเจอโควิดรอบใหม่ จี้รัฐบาลรับผิดชอบชง6มาตรการเยียวยา

09 มกราคม 2564

ชลบุรี-ท่องเที่ยวพัทยาพังยับ หลังเจอโควิดระบาดรอบใหม่ 8องค์กรภาคธุรกิจเสนอ6มาตรการถึงรัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาลั่นอย่าผลักภาระให้ผู้ประกอบการ

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.63 ที่โรงแรมแบล็ควู้ด พัทยาซอย 7 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวรวม 8 องค์กรเปิดแถลงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกรณีปัญหาผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากพบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในระลอกที่ 2 นี้ส่งผลอย่างรุนแรงทำให้ผู้ประกอบการเกือบทุกประเภทในพื้นที่เมืองพัทยาไม่สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ และต้องปิดตัวลงไปแล้วกว่า 80% จนทำให้ปัจจุบันพัทยาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักกลายเป็นเมืองร้างที่มียอดนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระและช่วยเหลือตัวเอง โดยรัฐไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือเยียวยาหรือดูแลแต่อย่างใด

นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกับกรณีของการติดเชื้อในระลอกแรกช่วงต้นปี 2563 ซึ่งถือเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะมีการติดเชื้อมาจากประเทศจีน และครั้งนั้นรัฐก็มีมาตรการเข้มข้นจนสถานการณ์ดีขึ้น รวมทั้งยังเยียวยาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการสั่งปิดกิจการและให้เงินชดเชยแก่พนักงานในอัตรา 62%ของเงินเดือนเป็นเวลา 3 เดือน การลดภาษี ค่าธรรมเนียมสาธารณูปโภค จนปัญหาเริ่มคลี่คลายมีการออกมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศหลายโครงการอย่าง “เราเที่ยวด้วยกัน” หรือ “พัทยาฮอทดีล” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก รวมทั้งการจัดEventของพื้นที่ ซึ่งก็พอจะทำผู้ประกอบการประคับประคองไปได้บ้างเพื่อรอวันกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

แต่แล้วในช่วงปลายปี 63 กลับเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศ คงตอบได้ว่ามาจาก “การคอร์รัปชั่น” หรือ “การแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ” จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะมีการแพร่ระบาดอย่างหนักมาจาก “บ่อนพนัน” และ “การขนย้ายแรงงานเถื่อน” ที่รัฐปล่อยปละละเลยให้เจ้าหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ ดังนั้น รัฐควรรับผิดชอบและให้ความสำคัญในการเยียวยาและดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ของ 5 จังหวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่อันตรายและสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพราะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศด้านการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

นายธเนศ กล่าวต่อไปว่าทุกวันนี้เมืองพัทยากลายเป็นเมืองร้าง ด้วยนักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางเข้ามาพักผ่อน เพราะแม้รัฐจะพยายามเลี่ยงไม่ให้มีการLock Downโดยระบุว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้น แท้จริงแล้วเศรษฐกิจที่เป็นอยู่มันพังพินาศและเดินต่อไปไม่ได้อยู่แล้วด้วยจำนวนตัวเลขของนักท่องเที่ยวเป็นศูนย์ แต่รัฐกลับไม่มีมาตรการที่จะเข้ามาดูแลหรือเยียวยากลับผลักภาระให้ผู้ประกอบการแต่เพียงอย่างเดียว จนขณะนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวในภาพรวมต้องปิดกิจการไปแล้วกว่า 70-80%ส่วนแรงงานต่างๆก็ต้องรับผล กระทบต่อการดำรงชีวิตและการว่างงานอีกนับหมื่นราย

ขณะที่นายพิสิทธิ์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ระบุว่าที่ผ่านที่ผู้ประกอบการพยายามทำตัวเป็น “เด็กดี” ที่ปฏิบัติตนตามมาตรการของรัฐอย่างเข้มข้น แต่รัฐกลับไม่เหลียวแลหรือให้ความช่วยเหลือ ซึ่งหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นอาจต้องทำตัวเป็น “เด็กดื้อ” ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมหรือทำทุกหนทางเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อน เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวไปได้ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็อาจเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากขึ้นแต่อาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะนี้ 8 องค์กรภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวได้ทำหนังสือยื่นตรงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี เพื่อเสนอขอให้สั่งปิดกิจการโรงแรมในเขตเมืองพัทยา ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิ์ในการรับเงินชดเชยค่าแรงตามกฎหมายใหม่ของกระทรวงแรงงาน เพราะการปิดกิจการเองโดยรัฐไม่มีคำสั่งจะไม่มีสิทธิ์ในการได้รับเงินชดเชยเหมือนเดิม ซึ่งแม้ว่าจะมีการปรับลดการชดเชยลงเหลือเพียง 50%ของรายได้ในอัตราไม่เกิน 15,000 บาท แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือในช่วงที่เกิดวิกฤติรุนแรงจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะกินเวลาไปจนถึงปี 2565

ทั้งนี้หนังสือที่ยื่นเสนอต่อภาครัฐมีขอรับความช่วยเหลือ 6 มาตรการหลัก ประกอบด้วย

1.ขยายเวลากองทุนประกันสังคมจ่ายเงินทดแทนลูกจ้างไปอีก 200 วัน

2.ลดการจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนายจ้างและลูกจ้างเหลือ 1%3.ลดหย่อนค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ต่อไปถึงสิ้นปี 2564

4.ยกเว้นอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวขนาดใหญ่โดยให้เก็บค่าใช้จ่ายตามจริง

5.ยกเว้นการจัดเก็บภาษีที่ดิน ภาษีป้าย ภาษีบำรุงท้องที่ และค่าธรรมเนียมผู้เข้าพักในโรงแรม

และ 6. ออกมาตรการขยายเวลาการพักชำระหนี้ โดยไม่เก็บดอกเบี้ยเป็นเวลา 6 เดือน หรือจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ทั้งนี้เพราะผู้ประกอบการไม่มีรายได้ รายรับใดๆและขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง.