posttoday

เกษตรกรโคราชตรวจสอบสิทธิ์-รับเงินประกันรายได้ปลูกข้าวนาปี

17 พฤศจิกายน 2563

นครราชสีมา-ชาวนาทยอยรับเงินประกันรายได้ปลูกข้าวนาปี ขณะธ.ก.ส.เขตเมืองไม่คึกเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกข้าวพื้นที่รอบนอกและต่างอำเภอมากกว่า

ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขานครราชสีมา มีเกษตรกรที่เป็นชาวนา ทยอยเดินทางมาติดต่อสอบถามและเช็คข้อมูลการจ่ายเงินประกันรายได้ หลังครม.มีมติเมื่อวันที่ 3พ.ย.63 ให้ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 (รอบที่ 1) จ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนา ผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ,ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่,ข้าวเปลือกเจ้า,ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว

นายอัฏฐพล ศรีพุทธางกูร ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขานครราชสีมา เปิดเผยว่า พื้นที่ดูแลของ ธ.ก.ส. สาขานครราชสีมา มีเกษตรกร (ชาวนา) ที่ขึ้นทะเบียนรอบแรก เอาไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร มีจำนวน 537 ราย เป็นวงเงินประกันรายได้ 4,952,242.33 บาท ขณะที่ภาพรวมทั้งจังหวัดนครราชสีมา มีเกษตรกรชาวนาขึ้นทะเบียนรอบแรกไว้ทั้งหมด 27,682 ราย เป็นวงเงินกว่า 298,879,793 บาท โดยส่วนใหญ่จะมีเกษตรกรชาวนาไปติดต่อขอรับเงินประกันรายได้ปลูกข้าวที่ ธ.ก.ส.สาขาต่างอำเภอ หรือพื้นที่รอบนอกมากกว่า เพราะพื้นที่ปลูกข้าวนาปีส่วนใหญ่จะอยู่เขตรอนบนอก มากกว่าเขตในเมือง

เกษตรกรโคราชตรวจสอบสิทธิ์-รับเงินประกันรายได้ปลูกข้าวนาปี

เกษตรกรจะได้เงินชดเชยส่วนต่างราคาประกันข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 2,911.17 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน หรือเป็นเงินไม่เกิน 40,756.38 บาท , ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 2,137.45 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตันหรือเป็นเงินไม่เกิน 34,199.20 บาท , ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 1,222.36 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน หรือเป็นเงินไม่เกิน 36,670.80 บาท , ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 1,066.96 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน หรือเป็นเงินไม่เกิน 26,674 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 2,084.34 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน หรือเป็นเงินไม่เกิน 33,349.44 บาท ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกร จะประกาศราคาอ้างอิงทุกๆ 7 วัน จนถึงวันสิ้นสุดโครงการฯ

เกษตรกรโคราชตรวจสอบสิทธิ์-รับเงินประกันรายได้ปลูกข้าวนาปี

ส่วนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ เกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย จากนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิด คูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดไว้ข้างต้น ส่งให้ ธ.ก.ส. เพื่อเป็นข้อมูลในการจ่ายเงิน จากนั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect