posttoday

สสส.ดึงชาวกาญจน์กดจุดนวดเท้าเพื่อให้เลิกบุหรี่ถาวร

27 สิงหาคม 2563

กาญจนบุรี-สสส.พร้อมหน่วยงานรัฐ และภาคีเครือข่าย อสม.ตำบลหนองโสน ร่วมเดินหน้าโครงการเลิกบุหรี่อย่างยั่งยืนด้วยการกดจุดนวดเท้า

นายอนุชา วรหาญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์การบริโภคยาสูบในจังหวัดว่า จากการคัดกรองประชาชนอายุ 15-60 ปี กว่า 199,000 คน พบว่า มีผู้ที่สูบบุหรี่ประมาณ 1,525 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 6.56 เข้ารับการบำบัด 710 คน หรือร้อยละ 46.56 ที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามผลในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการดำเนินงานควบคุมยาสูบโดยดำเนินตามยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบระดับชาติ ทั้งการสร้างเสริมความเข้มแข็งและพัฒนาขีดความสามารถในการควบคุมยาสูบของประเทศ การป้องกันมิให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบที่มุ่งเป้าไปยังแด็ก เยาวชน และนักสูบหน้าใหม่ การช่วยผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ

ทั้งนี้รวมถึง การทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ โดยได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ผ่านสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งการขับเคลื่อนที่ผ่านมา ได้มีการประชุมร่วมกันในระดับจังหวัด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคประชาชนและเอกชน โดยได้ดึงพระสงฆ์เข้ามาร่วมในโครงการรณรงค์ลดการสูบบุหรี่ด้วย เนื่องจากสังคมในพื้นที่ต่างจังหวัดส่วนใหญ่เชื่อฟังพระสงฆ์ หรือทำตามคำแนะนำในการให้ลด ละ เลิกบุหรี่ รวมถึงการขอความร่วมมือห้ามสูบบุหรี่ในวัดขณะที่มีงานทำบุญ หรือ งานต่าง ๆ ในวัดอีกด้วย 

สสส.ดึงชาวกาญจน์กดจุดนวดเท้าเพื่อให้เลิกบุหรี่ถาวร

นอกจากนี้ ยังมีโครงการลดจำนวนนักสูบบุหรี่หน้าใหม่ โดยร่วมมือกับเด็กและเยาวชนในโรงเรียน กระตุ้นเตือนไม่ให้นักเรียนสูบบุหรี่ ลบค่านิยมที่ผิด ๆ สร้างกลุ่มเครือข่ายในรูปแบบเพื่อนบอกเพื่อน เพื่อให้กำลังใจในการเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งยังทำงานควบคู่กับการดำเนินคดีทางกฎหมายทีเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 อย่างเข้มงวด สามารถจับกุมผู้ที่กระทำผิดในปี 2563 ทั้งหมด 48 คดีด้วย ซึ่งการดำเนินโครงการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากได้นำระบบข้อมูล 43 แฟ้มมาตรฐานด้านการแพทย์และสุขภาพ หรือ HDC ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี มาเป็นตัวตั้งในการทำงาน เพื่อให้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน พร้อมกับตั้งเป้าหมายให้ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สุขภาพของประชาชนเป็นไปด้วยดีที่สุด

นายอนุชา ยอมรับว่า อสม. ถือว่ามีส่วนสำคัญมากในการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด หากสามารถปรับทัศนคติการสูบบุหรี่ได้จะมีส่วนช่วยอย่างมาก ซึ่งได้ให้องค์ความรู้รูปแบบต่าง ๆ ไปยัง อสม.ทั้งในรูปแบบของสื่อการสอน หรือการสร้างความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของจังหวัด ขณะเดียวกันการสนับสนุนจาก สสส. ถือเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาช่วยภาคส่วนราชการได้มากขึ้น เพราะลำพังเพียงแค่เจ้าหน้าที่รัฐในการขับเคลื่อนคงไม่ได้ แต่ต้องอาศัยในเรื่องของการทำงานจากทุกภาคส่วนด้วย และต้องการให้ สสส. ขยายผลการดำเนินงานรณรงค์ให้คนลดการสูบบุหรี่ไปทั่วประเทศอีกด้วย 

ขณะที่ นายประจักษ์ อินทร์สว่าง ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านหนองโสน ตำบลหนองโสน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็น รพ.สต.ตัวอย่าง ในการช่วยให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่ ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของ รพ.สต. ในการขับเคลื่อนงานช่วยเลิกบุหรี่กล่าวว่า ได้มีการนำเข้าข้อมูลในระบบ 43 แฟ้ม พร้อมประมวลผลข้อมูล ซึ่งจะทำให้ได้รับทราบว่า พื้นที่แห่งใดมีจำนวนผู้สูบบุหรี่เป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยผลการคัดกรองและบำบัดผู้ติดบุหรี่ ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วถึงพฤษภาคมที่ผ่านมาพบว่า ประชากรอายุ 15 ปีขึ้น ไปในเขตรับผิดชอบ รพ.สต.บ้านหนองโสน จำนวน 4,122 คน ได้รับการคัดกรอง 3,597 คน คิดเป็นร้อยละ 87.26 มีผู้ไม่สูบบุหรี่ จำนวน 2,626 คิดเป็นร้อยละ 73.01 มีผู้สูบบุหรี่ จำนวน 885 คน คิดเป็นร้อยละ 24.60 แต่เลิกแล้ว จำนวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 2.39 ซึ่งระบบ 43 แฟ้ม มีข้อดีอย่างมาก ทำให้รับทราบข้อมูลอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของพื้นที่ อายุ รวมถึงคนที่เลิกบุหรี่ ซึ่งนำไปสู่การวางแผนทำงานได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น เขียนโครงการ ตั้งเป้าหมาย และสามารถประเมินภาพรวมของโครงการที่ รพ.สต. ดำเนินงานมาโดยตลอดได้

สำหรับ รพ.สต.บ้านหนองโสน ได้ดำเนินมาตรการ 3 ส. ที่เป็นโครงการเชิงรุกให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่ ได้แก่ 1. สำรวจข้อมูล 2. สร้างกระแส และ 3. สร้างเครือข่าย ขณะที่มาตรการเชิงรับคือการให้ประชาชนเข้ารับบริการกับ รพ.สต. เพื่อให้นวดเท้ากดจุดเลิกบุหรี่ หรือ รับคำแนะนำให้กำลังเพื่อนำไปสู้การเลิกบุหรี่ได้อย่างถาวรต่อไป ส่วนมาตรการเชิงรับ รพ.สต.บ้านหนองโสน ได้เปิดให้บริการคลินิกนวดเท้ากดจุดบุหรี่ ร่วมกับการใช้สมุนไพรและผลไม้รสเปรี้ยวในการช่วยเลิกบุหรี่ โดยมี อสม. ซึ่งผ่านการอบรมเป็นผู้ให้บริการ โดยจะนวดเท้าติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน และติดตามเยี่ยมให้กำลังใจเมื่อครบ 14 วัน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน จนกระทั่งสามารถเลิกบุหรี่ได้ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานในภาคีเครือข่าย เช่น ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 1600 เพื่อให้มีส่วนร่วมในการให้ประชาชนได้เลิกบุหรี่มากขึ้น

สสส.ดึงชาวกาญจน์กดจุดนวดเท้าเพื่อให้เลิกบุหรี่ถาวร

ด้าน นางน้ำฝน นาคมังสังข์ ประธาน อสม.ตำบลหนองโสน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า บทบาทการทำงานของ อสม. กว่า 16 ปีที่ผ่านมา ได้รณรงค์การเลิกบุหรี่มาโดยตลอด โดยเริ่มจากเยาวชนที่เรียนในโรงเรียน เพื่อไปบอกต่อไปยังผู้ปกครองให้เลิกบุหรี่ได้มากขึ้น ซึ่งได้ทำความเข้าใจไปถึงเด็กนักเรียนให้เห็นผลดีว่า เมื่อเลิกบุหรี่แล้วจะเกิดผลดีอย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลไปต่อยอดยังผู้ปกครองได้ พร้อมกันนี้ ยังได้เรียกประธาน อสม. และเจ้าหน้าที่ อสม. ทุกคนสำรวจผู้สูบบุหรี่ในพื้นที่รับผิดชอบของตนเอง เพื่อให้เข้าร่วมโครงการเลิกสูบบุหรี่ด้วยการนวดกดจุดเท้า ซึ่งมีผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการนี้แล้วเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวรประมาณ 120 คน

พร้อมกันนี้ ยังต้องให้ อสม. เป็นบุคคลตัวอย่าง ที่เลิกสูบบุหรี่ได้ก่อนที่จะให้คำแนะนำกับคนอื่น ซึ่งจะทำให้หลายคนหันมาฟังคำแนะนำจาก อสม. ได้มากขึ้น หรือให้คำแนะนำกับผู้อยากเลิกบุหรี่ในการรับคำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ สายเลิกบุหรี่1600 ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นไปด้วยดี เพราะหลายครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น จากการเลิกสูบบุหรี่ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ตนเองรู้สึกภูมิใจกับการทำงานที่ทำให้ประชาชนเลิกสูบบุหรี่ได้ โดยหลังจากนี้จะนำผลงานไปนำเสนอการประกวดรางวัล “อสม.ดีเด่นด้านสุขภาพ” ในระดับจังหวัดและเขตต่อไป เพื่อจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนเลิกบุหรี่มากขึ้น

นายธนวัฒน์ ทองคำ ชาวบ้านตำบลหนองโสน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงประสบการ์เข้ารับบริการเลิกบุหรี่ของ รพ.สต.บ้านหนองโสนว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องการเลิกสูบบุหรี่ มาจากที่ไม่สามารถเข้าใกล้ลูกหลานในบ้านได้ เพราะเหม็นกลิ่นบุหรี่ และได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่า รพ.สต.บ้านหนองโสน มีการกดจุดนวดเท้าเพื่อเลิกบุหรี่ จึงได้มาตามคำแนะนำ หลังจากเข้ารับการบริการนวดประมาณ 1-2 ครั้ง ทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวร ส่งผลดีให้ประหยัดเงินไปได้มาก จากเมื่อก่อนต้องซื้อบุหรี่มาสูบวันละ 4 ซอง คิดเป็นจำนวนเงินคร่าวๆ คาดว่าจะประหยัดไปได้กว่าแสนบาทต่อปี ซึ่งเงินเหล่านี้สามารถนำมาซื้อของฝากลูกหลานได้อีกมาก และทุกวันนี้ก็กอดลูกหลานอยู่ในระยะใกล้ชิดโดยไม่ถูกรังเกียจอีกต่อไป พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำให้เพื่อนในพื้นที่ต่างอำเภอ เช่น ในอำเภอศรีประจันต์ และอำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วมการกดจุดนวดเท้าเพื่อเลิกบุหรี่อีกด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี และต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ อสม. ที่ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ได้อย่างจริงจัง