ทุกข์เหลือทน!ชาวบ้านโวยถูกแม่ค้าส้มตำดังโกงเงินกว่า 20 ล้าน

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่บ้านเลขที่ 71 ม.10 บ้านเทพประทาน ต.บริบูรณ์อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ได้มีชาวบ้านกว่า 30 คนมารวมตัวกันพร้อมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับเจ้าของร้านส้มตำชื่อดังใน อ.สีชมพู ที่โกงเอาเงินไป และร่วมหารือกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สีชมพู พร้อมทั้งนำหลักฐานการพูดคุยกับเจ้าของร้านส้มตำที่มีผู้เสียหายสอบถามแม่ค้าส้มตำรายนี้ และ สลิปโอนเงิน

น.ส.กัลยา ปิยะวาจี อายุ 30ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ทุกคนที่มารวมตัวกันถูก น.ส.จุ๊บแจง (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านส้มตำแยกน้ำชื่อดังในอ.สีชมพู โกงเอาเงินไปคนละ 30,000 - 3,000,000 บาท แล้วหลบหนีไป ทั้งยังท้าทายให้แจ้งความกับตำรวจด้วย

ทั้งนี้ พฤติกรรมของน.ส.จุ๊บแจงจะเข้ามาตีสนิทพูดคุยชาวบ้านและขอยืมเงิน ครั้งแรก 500,000 บาทให้ดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทและ 5 บาท โดยอ้างว่าจะเอาไปให้กรรมการกองทุนหมู่บ้านต่างๆในพื้นที่ปิดยอดเงินกองทุนหมู่บ้าน และกองทุนเงินล้านไม่เกิน 3 วันก็เอามาคืน รวมทั้งยังอ้างว่า ชาวบ้านที่เป็นลูกค้าธกส.ร้อนเงินต้องการเงินไปปิดบัญชีหนี้ ธกส.หากให้กู้ไปจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาทหากเกิน 3 วันจะให้เพิ่มเป็นร้อยละ 5 บาท

“น.ส.จุ๊บแจงจะมีกลอุบายในการใช้คำพูดฟังแล้วน่าเชื่อถือ หากให้ยืมเงินเขาจะหักดอกเบี้ยก่อนโอนทุกครั้ง เมื่อได้เงินไปแล้วประมาณ 3 วันจะโอนเงินมาคืนให้ตามที่นัดหมาย แต่จากนั้นไม่ทันข้ามวันก็จะโทรมาขอยืมอีก ทำแบบนี้มาเรื่อย ๆ โดยล่าสุดยังคงค้าง 300,000 บาทไม่ยอมให้ดอกเบี้ย แล้วยังไลน์ท้าทายให้แจ้งตำรวจได้เลย ซึ่งมีชาวบ้านกว่า 20 คนรวมตัวกันเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อสภ.สีชมพู เพื่อให้มีการสืบสวนดำเนินคดีกัลน.ส.จุ๊บแจงและให้เอาเงินที่ยืมไปมาคืนชาวบ้าน”น.ส.กัลยา กล่าว

ด้าน น.ส.ปริสา ยอดดี อายุ 31 ปี ชาวบ้านหาดสวรรค์ ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู กล่าวว่า ผู้เสียหายที่ถูก ส.ส.จุ๊บแจงยืมเงินไปแล้วไม่คืนมีในหลายหมู่บ้านของ ต.บริบูรณ์ ต.วังเพิ่ม ต.นาจาน อ.สีชมพู หลอกด้วยเหตุผลที่เหมือนๆกันทุกรายคือเอาไปปิดยอดกองทุนหมู่บ้าน กองทุนเงินล้าน และลูกค้าธกส.เอาไปปิดยอดหนี้มีผู้เสียหายขณะนี้ประมาณ 30 ราย ในจำนวนนี้มีเพื่อนสนิทที่สูญเงินไปคนละ 3 ล้านบาท อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ

“ส่วนตัวครอบครัวสูญเงินให้กับ น.ส.จุ๊บแจงไป 2,200,000 บาท ช่วงแรกก็จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท แต่ระยะหลังไม่จอมจ่ายแล้วก็หนีหายไป ทั้งยังท้าให้แจ้งความกับตำรวจอีกด้วย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามนาวสาวจุ๊บแจงมารับผิดชอบเงินที่ยืมไปด้วย”น.ส.ปริสา

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดกับ พ.ต.อ.จำรัส ไชยศักดิ์ ผกก.สภ.สีชมพู ยอมรับว่า มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงไม่ใช่ตำรวจไม่รับแจ้งความหรือไม่ให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้าน ต้องทำความเข้าใจว่า กรณีลักษณะนี้ ตำรวจต้องสอบปากคำทีละคน รวบรวมพยานหลักฐานเป็นรายๆ ไป และจะไม่มีการบอกว่าใครผิดใครถูก หากคนที่ทำผิด ไม่ว่าความผิดทางแพ่งหรืออาญา ก็จะต้องมีการแยกเป็นรายๆไป และขอยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย