ผู้ช่วยผญบ.เซ็นค้ำรถถูกฟ้องยึดที่ ขอไกลเกลี่ยชะลอขายทอดตลาด นัดเจรจา 2มี.ค.63

กรณีนายสมบูรณ์ บุญเรืองศรี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในต.สนามชัย อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความช่วยเหลือว่า ถูกทางบริษัทฟ้องยึดที่ดินมรดกเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน พร้อมต้นยางพารา และสิ่งปลูกสร้างจำนวน 2 หลังในฐานะผู้ค้ำประกัน เพราะผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมจ่ายเงินส่วนต่างให้กับทางบริษัท ทั้งต้นและดอกเบี้ย 105,000 บาท ถึงแม้จะคืนรถและไม่ได้ค้างค่างวดแล้วก็ตาม

ล่าสุด นายสมเดช แก้วประทุม ผู้ใหญ่บ้านบ้านดงหนาม จำเลยที่ 1 และนายสมบูรณ์ บุญเรืองศรี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จำเลยที่ 2 ได้เข้ายื่นคำร้องขอเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยที่สำนักงานบังคับคดี ซึ่งเบื้องต้นทางบังคับคดีก็ได้รับคำร้องไว้ พร้อมทั้งได้ติดต่อประสานไปยังทางบริษัทไฟแนนซ์ซึ่งเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง เพื่อมาไกล่เกลี่ยที่สำนักงานบังคับคดี ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมาเจรจาไกล่เกลี่ย วันที่ 2 มี.ค.63 ดยบังคับคดีก็จะเป็นตัวอย่างในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้ด้วย ซึ่งระหว่างที่มีการไกล่เกลี่ยทางบังคับคดีก็จะชะลอการขายตลาดไว้ก่อน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับจำเลย แต่การไกล่เกลี่ยก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายว่าจะได้ข้อสรุปแบบไหน และเป็นที่พอใจอย่างไร

ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นเคสตัวอย่างให้กับหลายๆ คน ทั้งคนซื้อและผู้ค้ำ เพราะถึงแม้ผู้ซื้อจะคืนรถให้กับบริษัทไฟแนนซ์ไปแล้ว และไม่ได้ติดค้างค่างวด แต่ยังถูกฟ้องเรียกค่าส่วนต่าง จนทำให้ถูกหมายบังคับคดียึดที่ดิน จากการสอบถามผู้รู้ทางกฎหมายก็ให้ข้อมูลว่า คนที่ถูกยึดรถหรือเต็มใจที่จะคืนรถให้ไฟแนนซ์เพราะผ่อนชำระต่อไม่ไหว ไม่ใช่ว่าจะหมดหนี้ เพราะขั้นตอนหลังจากคืนรถแล้ว ทางไฟแนนซ์จะนำรถคันดังกล่าวไปประมูลขายทอดตลาด ซึ่งหากรถถูกประมูลซื้อในราคามากกว่ายอดหนี้ ทางไฟแนนซ์ก็จะคืนส่วนต่างให้แต่หากรถถูกประมูลซื้อไปน้อยกว่ายอดหนี้ ผู้ที่ถูกยึดรถหรือเต็มใจคืนรถก็จะต้องจ่ายส่วนต่างที่ขาดหายไปให้กับทางไฟแนนซ์