posttoday

เปิดบันทึกน้องชายแดนแม่สุดช๊อกลูกถูกซ้อมทรมานร่างกายจนเสียชีวิต

21 มิถุนายน 2562

นครสวรรค์-แม่เปิดใจสุดช๊อกน้องชายแดนถูกซ้อมชี้เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารโหดผิดมนุษย์เผยยอมทุ่มเงินแสนเพื่อให้ลูกสอบได้สุดท้ายมาเสียชีวิตน่าเศร้า

นครสวรรค์-แม่เปิดใจสุดช๊อกน้องชายแดนถูกซ้อมชี้เจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหารโหดผิดมนุษย์เผยยอมทุ่มเงินแสนเพื่อให้ลูกสอบได้สุดท้ายมาเสียชีวิตน่าเศร้า

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.62 ความคืบหน้ากรณีการสืบสวนสอบสวนคดีร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี จนถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหา 3 คนเป็นเจ้าของสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร ภรรยาและแม่ยายทั้งหมดยังคงให้การปฏิเสธ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนในคดีเพื่อซักซ้อมและวางแนวทางการสืบสวนสอบสวนได้สั่งการให้ตำรวจสายตรวจในเขตรับผิดชอบอำเภอเมืองนครสวรรค์ ไปสำรวจโรงเรียนกวดวิชาทั้งที่ได้รับการอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาตเพื่อรายงานไปยังสตช.

ต่อมาเมื่อ 11.00 น. ผู้ปกครองจำนวน3รายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน หนึ่งในจำนวนผู้ปกครอง มีเด็กชายอายุ 15ปี คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมเรียนกวดวิชากับน้องชายแดนมาด้วยพนักงานสอบสวนก็แยกห้องสอบ และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพเพราะกระทบสิทธิเด็กและเยาวชน

พนักงานสอบสวนจะเร่งสรุปสำนวนให้เสร็จทันภายในกำหนดฝากขังผลัดแรก จะคัดค้านการประกันตัวอีกรอบ ซึ่งจะแล้วเสร็จหรือไม่ตำรวจจะเร่งทำงานให้เร็วที่สุด ส่วนผู้ปกครองแจ้งความเพิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่การตัดสินใจของผู้ปกครองเอง

บ่ายวันเดียวพนักงานสอบสวนได้นำตัวบิดาและมารดาของผู้เสียชีวิตไปตรวจยืนยันดีเอ็นเอที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำมาให้พนักงานสอบสวนยืนยันเทียบเคียงกับดีเอ็นเอของบุตรชายที่พบจากบ้านพักและไม้เบสบอลของผู้ต้องหา

แม่ของผู้ตายให้การว่า เบื้องต้นก็รู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ นำตัวมาลงโทษดำเนินคดี แต่พอทราบรายละเอียดจากสื่อมวลชนก็เสียใจมากที่ลูกมาเรียนที่นี่ และยิ่งเจ็บปวดแทนลูกที่ต้องถูกกระทำเช่นนี้ พฤติกรรมของเจ้าของสถาบันกวดวิชาแห่งนี้ผิดมนุษย์จริงๆสงสารลูกมาก จะไม่ขอรับการขอโทษจากผู้ตองหาเด็ดขาด กรุณาอย่ามาเลยไม่ยกโทษให้ อย่ามาจองเวรจองกรรมกันอีกเลย และขอให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดอย่างถึงที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมโหดร้ายมาก หากพ้นผิดออกมาลอยนวลในสังคมจะมีเด็กเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ต้องมาสังเวยชีวิตรับบาดเจ็บเหมือนลูกตน

เดิมไม่ต้องการให้ลูกมาเรียนที่นี่แต่ด้วยความตั้งใจของลูก จึงวางแผนให้ลูกลาออกมาเรียนระดับมัธยมต้นจาก กศน.ก่อน โดยจะจบมัธยมต้นในเทอมหน้านี้ จากนั้นจะสมัครเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 อีก 1 ปี จากนั้นจะไปสมัครสอบเตรียมทหาร โดยที่ผ่านลูกมาได้หาข้อมูลสมัครเรียนโรงเรียนกวดวิชาเอง จากข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต มาเจอกับเจ้าของสถาบันกวดวิชาทหารแห่งนี้ เมื่อได้ทำความรู้จัก ลูกชายปลื้ม ศรัทธามาก จึงมั่นใจว่าจะสามารถติวจนสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ จึงสมัครมาเรียนและเพื่ออนาคตลูกจึงยอมให้มาเรียนโดยทางสถาบันกวดวิชาเป็นคนวางแผนการเรียนให้ทั้งหมด

ส่วนค่าใช้จ่ายในการศึกษาในปีแรกเข้าต้องเสียเงิน 210,000 บาท ปีที่สองเสีย 250,000 บาท ไม่รวมค่าที่พัก อาหาร ในปีที่สอง ที่ผ่านมาช่วงแรกให้ผู้ปกครองเข้าพบได้ตามตกลงกันไว้สัปดาห์ละ 1 ครั้งพาลูกไปนอนบ้านได้1วัน ต่อมาครูณัฐเริ่มอ้างว่าลูกต้องเก็บตัวไม่สามารถพบได้ ต้องอ่านหนังสือ เริ่มห่างติดต่อลูกไม่ได้ต้องนักพบลูกล่วงหน้ากำหนดวันมาพบได้ มาทราบอีกครั้งก็ได้รับโทรศัพท์จากครูณัฐว่าลูกหัวแตก แต่ว่าลูกแขนหัก และที่ผ่านมาสังเกตว่าลูกซึมเศร้าตลอด

ขณะที่บิดาเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้เสียใจมากที่ลูกชายคนเดียวจากไป ครอบครัวเหลือกันเพียงสองคนเท่านั้น ไม่สามารถมีบุตรได้ตอนนี้ทำให้เพียงนั่งดูรูปภาพของลูกเท่านั้น อยากให้ครอบครัวของคนร้ายได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย อย่าออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่สังคมอีกเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเด็กชายชายแดนเสียชีวิตแล้ว ผู้ปกครองได้เข้าไปเก็บของในสถาบัน แล้วไปเจอกับบันทึกของผู้ตายไว้เตรียมส่งให้แม่ แต่ไม่สามารถส่งกลับไป เมื่อพ่อแม่นำออกมาอ่านถึงกับร้องให้ใจความทราบว่าลูกมาอยู่ที่สถาบันเหมือนตกนรก ต้องถูกซ่อมตลอดเวลา ถูกทรมานสาหัส ต้องการกลับบ้านก็กลับไม่ได้ อยู่ในสถาบันแห่งนี้เหมือนอยู่ในนรกเพราะโดยซ่อมและถูกซ้อมตลอดเวลามีหลายข้อความที่ระบายออกมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย