เข้าป่าไม่ขอก่อน!อุทยานฯเขาแหลมปรับคนละ500บ.เล็งฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย

กาญจนบุรี-เจ้าหน้าที่อุทยานฯเขาแหลมตรวจกระเป๋ากลุ่มนักท่องเที่ยวตกหน้าผาไม่พบอุปกรณ์ล่าสัตว์ปรับคนละ500บาทฐานลอบเข้าพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตเล็งฟ้องเรียกฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง

เมื่อวันที่ 18 ต.ค.61 นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้ขอตรวจค้นกระเป๋าและสอบถามนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเดินป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จำนวน 4คน และประสบอุบัติเหตุตกหน้าผาได้รับบาดเจ็บ1ราย ประกอบด้วย นายชูเวทย์ พิกุลทอง อายุ 35 ปี นายนนทวัชร์ โลศิริ อายุ 28 ปี และ นางสาวอาภรณ์ พุฒเอก อายุ 33 ปี และ4.นายนิพนธ์ วงศ์ทับ (ผู้ประสบอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว) ทราบว่าได้รวมกลุ่มและชักชวนกันมาท่องเที่ยวโดยนำรถยนต์มาจอดไว้ที่หมู่บ้านทิพุเย หมู่ 3 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

จากนั้นได้เริ่มเดินทางออกจากหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ตามเส้นทางห้วยน้ำมุด (น้ำตกผาแตก) ผ่านยอดเขาใหญ่ สันหนอกวัว เพื่อเดินทางไปยังน้ำตกร้อยวา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากห้วยปั้นป้อง ในท้องที่หมู่ที่ 2 ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี และจะมีรถยนต์มารับที่หมู่บ้านกองม่องทะ แต่เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณน้ำตกร้อยวา ซึ่งเป็นวันที่ 15 ตุลาคม นายนิพนธ์เพื่อนในกลุ่มได้พลัดตกหน้าผาสูง หลังเกิดเหตุ นายชูเวทย์จึงได้อาสาเดินทางออกมาจากป่า เพื่อโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ขอให้เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งหมดทราบดีว่า เข้าไปไปท่องเที่ยวเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ต้องการเข้าไปท่องเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ จึงได้เดินทางเข้าไปเองยินดีรับผิดรวมทั้งยินดีปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายของทางราชการอย่างเคร่งครัด

จากการพูดคุยทราบว่า นักท่องเที่ยวที่เป็นผู้หญิงนั้นมีอาชีพเป็นผู้ช่วยครู ส่วนนักท่องเที่ยวชายทั้ง 3 คนนั้นทราบว่า มีอาชีพเป็นช่างภาพอิสระ จากการตรวจค้นกระเป๋าทุกใบอย่างละเอียด ไม่พบอาวุธ ไม่พบอุปกรณ์การล่าสัตว์ ซากสัตว์ป่า หรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใดหลังให้ถ้อยคำแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จึงเปรียบเทียบปรับนักท่องเที่ยวทั้งสี่ เป็นเงินคนละ 500 บาทฐานเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตามจากความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะมาพิจารณาดูว่าจะสามารถดำเนินการฟ้องแพ่งได้หรือไม่ เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะลักลอบเข้ามาในเขตอุทยานฯโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก