posttoday

อัยการสั่งฟ้องเปรมชัย6ข้อหาเรียกค่าเสียหาย4.6แสนบาท

04 เมษายน 2561

อัยการสั่งฟ้องเปรมชัย6ข้อหาคดีล่าเสือดำในป่าทุ่งใหญ่ฯเรียกค่าเสียหาย4.6แสนบาทส่งสำนวนต่อให้ผบช.ภ.7เห็นชอบด้วยหรือไม่ก่อนฟ้องศาลทองผาภูมิ

อัยการสั่งฟ้องเปรมชัย6ข้อหาคดีล่าเสือดำในป่าทุ่งใหญ่ฯเรียกค่าเสียหาย4.6แสนบาทส่งสำนวนต่อให้ผบช.ภ.7เห็นชอบด้วยหรือไม่ก่อนฟ้องศาลทองผาภูมิ

นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 แถลงว่า อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานอิตาเลียนไทย ดีวีล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่เนเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี และให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 462,000 บาท ให้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยนายเปรมชัย ผู้ต้องหาที่ 1 อัยการได้มีคำสั่งฟ้อง 6ข้อหา ประกอบด้วย

1.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในตัวหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครอง ซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
5.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น นำพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มากระทำการผิดกฎหมาย
6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ส่วนข้อหาที่อัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้องนายเปรมชัย ประกอบด้วย
1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่
2.ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่า หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
และ4.ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร

ผู้ต้องหาที่2นายยงค์ โดดเครือ อัยการสั่งฟ้องข้อหาเช่นเดียวกันกับนายเปรมชัย และมีเพิ่ม 1 ข้อหาคือ ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาที่สั่งไม่ฟ้อง 1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2.ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และ4.ร่วมกันกระทำการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร

ผู้ต้องหาที่ 3 นางนที เรืองแสง แม่ครัว ได้สั่งฟ้องเกือบทุกข้อหา มีสั่งไม่ฟ้องเพิ่มเติมนางนที ในข้อหา ร่วมกันล่าสัตว์ป่าด้วยเพิ่มมาอีกหนึ่งข้อหาที่สั่งไม่ฟ้อง เช่นเดียวกับ ผู้ต้องหาคนที่ 4 นายธานี ทุมมาศ สั่งฟ้องเช่นเดียวกันกับนายยงค์ ทุกข้อหาเพิ่มไปอีก 1 ข้อหาคือ ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่า ส่วนข้อหาที่สั่งไม่ฟ้องนายธานีคือ 1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันนำเครื่องมือ สำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ใดๆเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์ และ3.ร่วมกันทำทารุณกรรมสัตว์ป่าโดยไม่มีเหตุอันสมควร

สำหรับคดีนี้ อัยการมีทั้งความเห็นสั่งฟ้อง และไม่สั่งฟ้องในบางข้อหา ดังนั้น เมื่ออธิบดีอัยการภาค 7 มีคำสั่งแล้ว จะส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อให้มีความเห็นทางคดีว่า จะเห็นชอบในคำสั่งที่อธิบดีอัยการภาค 7 มีคำสั่งไปหรือไม่ อันเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 145/ 1 หากเห็นชอบก็จะยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน แต่หากมีความเห็นไม่เห็นด้วยแล้วกับคำสั่งอธิบดีอัยการภาค 7 แล้วสำนวนนี้จะถูกส่งไปอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาด จากนั้นสำนวนจะกลับมาที่สำนักงานอัยการภาค 7 และจะยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิต่อไป