ทัวร์พุ่งชนรถพ่วงจอดเสียที่มหาสารคามดับ 3 เจ็บ 49

รถทัวร์สายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด ชนท้ายรถพ่วง 22 ล้อ ก่อนพลิกคว่ำตกข้างทาง บริเวณถนนสายกุดรัง-บรบือ จ.มหาสารคาม ดับ 3  ราย เจ็บ 49 คน

เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 2 ก.ค.  เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ชนกับรถพ่วง 20 ล้อ ที่บริเวณถนนสายกุดรัง-บรบือ ช่วงบริเวณบ้านพงโพด ต.หนองสิม อ.บรบือ จ.มหาสารคาม มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย

เมื่อเจ้าหน้าที่ มาถึงที่เกิดเหตุ พบรถทัวร์ของบริษัทสหพันธ์ทัวร์ สายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด หมายเลขทะเบียน 10-4307ร้อยเอ็ด หมายเลขข้างรถ 24-3 พลิกตะแคงขวางถนน สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน ฝั่งซ้ายด้านข้างของรถฉีกออกกว่าครึ่งคัน โดยมีนายสมจิตร ประวรรณมาตา อายุ 54 ปี ป็นคนขับรถทัวร์ เจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพ ได้ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบรบือ และโรงพยาบาลมหาสารคาม อย่างเร่งด่วน

ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ตัวแม่หมายเลขทะเบียน 81-0757 สุพรรณบุรี ตัวลูกหมายเลขทะเบียน 82-9740 สุพรรณบุรี มีนายอาศักดิ์ ไชยต้นเทือก อายุ 46 ปี เป็นคนขับ สภาพถูกชนท้ายจนรถลงไปข้างทาง สินค้าเบ็ดเตล็ดบนรถพ่วงหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นถนน นอกจากนี้ ยังมีรถตู้สีขาว หมายเลขทะเบียน นข 2978 กาฬสินธุ์ ได้เบรกกะทันหันและตกข้างทางไปอีกคัน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 49 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อเพียง 1 คน คือ นายธวัชชัย ไม่ทราบนามสกุล เป็นเด็กรถ ที่มากับรถทัวร์โดยสาร

สอบถามนายอาศักดิ์ ไชยต้นเทือก อายุ 46 ปี ชาว ต.บ้านโข้ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี คนขับรถพ่วง 20 ล้อ ทราบว่า ได้เดินทางออกมาจากพุทธมณฑล สาย 4 เพื่อที่จะนำสินค้าเบ็ดเตล็ดไปส่งที่ จ.สกลนคร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุประมาณ 4 ทุ่ม รถเกิดเสีย จึงได้จอดรถไว้ข้างทางเพื่อที่จะรอซ่อมในช่วงเช้า แต่ตนได้นำกิ่งไม้ไปวางไว้ที่ท้ายรถ หลายกลุ่ม รวมระยะทางยาวกว่า 100 เมตร เพื่อเป็นสัญญาณให้รถคันหลังได้ทราบว่ารถเสีย จากนั้นได้ขึ้นมานอนบนรถ แต่ต้องสะดุ้งตกใจ เนื่องจากมีรถทัวร์มาชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถไถลไปไกลกว่า 20 เมตรจนตกข้างทาง พอลงมาจากรถก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เมื่อเห็นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ก่อนจะโทรแจ้งตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ

ด้าน พ.ต.ท.สว่าง เดชบุรัมย์ ร้อยเวรฯ สภ.บรบือ กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นคนขับรถทัวร์อ้างว่า มองไม่เห็นรถพ่วงที่จอดเสียข้างทาง แต่ไม่เห็นรอยเบรกของรถทัวร์ ซึ่งคาดว่า คนขับอาจหลับใน อย่างไรก็ตาม ต้องรอสอบสวนคู่กรณีทั้งสองฝ่าย เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป