posttoday

"อนุทิน" แจงฉีดวัคซีนโควิดเด็กยึดสมัครใจ ยัน สิ้น ต.ค. ฉีดครบ 60 ล้านโดส

22 กันยายน 2564

รมว.สธ. เผย การฉีดวัคซีนในเด็ก12 ปีขึ้นไป เป็นเรื่องของความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ ย้ำ ฉีดวัคซีนเข็ม 3 เริ่ม 24 ก.ย. ประชาชนไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ มั่นใจ สิ้น ต.ค. ฉีดวัคซีนครบ 60 ล้านโดส ปี 65 มีบูสเตอร์ให้ทุกคน

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการรับวัคซีนโควิด-19 ในเด็ก ว่า เป็นเรื่องของความสมัครใจไม่ได้มีการบังคับผู้ปกครอง ว่าต้องมีการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก โดยวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดหาและทาง อย.อนุมัติแค่ไฟเซอร์เท่านั้น กำหนดฉีดให้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งมีอยู่ 5 ล้านคน ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรก จะมาถึงไทยเพื่อฉีดให้กับเด็ก 29 ก.ย. นี้ จากนั้นจะทยอยมาจนถึงสิ้น ธ.ค.

ทั้งนี้ เชื่อว่าการรับวัคซีน จะทำให้เด็กได้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เด็กควรต้องมีชีวิตในโรงเรียน ต้องได้เรียนหนังสือในโรงเรียน เพียงแต่ว่าการรับวัคซีนในเด็ก เนื่องจากเด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ การรับวัคซีนจึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง การนำวัคซีนของไทย ไม่ใช่นำเข้ามาเพราะเป็นวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ แต่นำเข้าเพราะว่าวัคซีนมีความปลอดภัย

ส่วนวัคซีนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี อยู่ระหว่างรอบริษัทผู้ผลิตวัคซีนมาขึ้นทะเบียนกับ อย. หากไม่ผ่านการขึ้นทะเบียน ก็จะไม่นำมาฉีดให้เด็กเป็นอันขาด แต่หากมีผลวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ก็จะเร่งจัดหาเพื่อมาฉีดให้เด็กทันที

ส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม3 หรือบูสเตอร์โดสให้ประชาชนเฉพาะกลุ่มที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ก่อน ซึ่งมีประมาณ 4 ล้านคน เพื่อให้เกิดการกระตุ้มภูมิคุ้มกันรองรับเชื้อกลายพันธุ์ โดยจะจัดวัคซีนแอสตร้าเซนนิกาให้เป็นเข็มที่ 3 ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่จะมีการจัดส่งข้อความแจ้งให้เข้ารับวัคซีน ตามเวลานัดหมาย

ทั้งนี้ สิ้นเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบ 60 ล้านโดส และมั่นใจว่ากลุ่มเป้าหมาย จะได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน

ยืนยันว่า จำนวนวัคซีนโควิด-19 ปีนี้ มีความเพียงพอ รวมทั้งได้จัดหาวัคซีนบูสเตอร์โดส หรือวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ให้ประชาชนไว้แล้ว ซึ่งจะฉีดเข็มเดียว เบื้องต้น เตรียมไว้ประมาณกว่า 100 ล้านโดส แต่ต้องดูสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นประกอบกันด้วย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้า ปัญหาวัคซีนต่างๆ จะคลี่คลาย ทั้งราคาวัคซีนก็น่าจะลดลง เนื่องจากมีวัคซีนมากขึ้น และวัคซีนจะเข้ามาตามกำหนดไม่เหมือนในปีนี้