รัฐบาลแจงไม่บังคับนร.ฉีดวัคซีน ให้ผู้ปกครองร่วมตัดสินใจ
รัฐบาลแจงไม่บังคับนักเรียนฉีดวัคซีน ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมตัดสินใจ ย้ำฉีดเข็ม 3 ยังคงติดโควิดได้ แต่ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงการฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนว่า การฉีดวัคซีนขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งสิ้น 44.7 ล้านโดส เข็มแรก 29 ล้านโดส เข็มสอง 15 ล้านโดส เข็มสาม 6 แสนโดส
สำหรับข้อกังวลฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้วทำไมยังติดเชื้ออยู่นั้น ขอชี้แจงว่าไม่ว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่งสองหรือสาม อาการติดเชื้อโควิค-19 ก็ยังคงมีอยู่ เพราะการฉีดวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันอัตราการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรืออัตราการเสียชีวิตได้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับข้อกังวลในเรื่องการฉีดไฟเซอร์ให้แก่เด็กนักเรียน อายุ 12 – 17 ปี ราว 4.5 ล้านคนนั้น ทางรัฐบาลไม่ได้บังคับ แต่ให้เป็นไปด้วยความสมัครใจโดยผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมีการให้ข้อมูลมีการชี้แจงถึงข้อดีข้อเสีย ก่อนที่จะกรอกข้อมูลยินยอมว่าจะให้ฉีดวัคซีนหรือไม่ให้ฉีดวัคซีน และให้ส่งกลับมายังสถานศึกษาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเมื่อฉีดวัคซีนแล้วจะมีการจัดเก็บระบบอยู่ในฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและติดตามอาการจากการฉีดอย่างต่อเนื่อง
"โดยระยะแรกนี้รัฐบาลจะฉีดให้เป็นวัคซีนของmRNA ของไฟเซอร์ก่อน ส่วนในระยะถัดไปก็อาจจะมีวัคซีนที่เป็นเชื้อตายเพิ่มมากขึ้น หากผู้ปกครองท่านใดไม่อยากจะให้เด็กฉีดวัคซีนที่เป็น mRNA ก็สามารถที่จะรอวัคซีนเชื้อตายได้"
"ต้องขอย้ำตรงนี้ว่าการเปิดเรียนไม่ได้เป็นเงื่อนไขสำคัญของการฉีดวัคซีนเพราะหลายแห่งก็ตั้งใจที่จะเปิดการเรียนการสอนอยู่แล้วเพียงแต่การฉีดวัคซีนจะสร้างความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นเด็กนักเรียนอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็สามารถไปเรียนได้ตามปกติ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด"น.ส.ไตรศุลี กล่าว