posttoday

จี้กทม.จัดการตลาดเถื่อนทั่วกรุงไม่ผ่านเกณฑ์คุมเข้มโควิด

21 มิถุนายน 2564

ภาคประชาชนทวงถามความคืบหน้าผลสำรวจตลาดในกทม.และมาตรการปรับปรุงแก้ไขตลาดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ป้องกันโควิด-19 จี้ กทม.จัดระเบียบตลาดนัดนอกระบบนับร้อยแห่งทั่วกรุงหลังพบขาดมาตรการป้องกัน

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน (ขสช.) เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวัง และติดตามความคืบหน้าในการป้องกันและแก้ไขปัญหา การติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มตลาดสดตลาดนัด ในพื้นที่ กทม. พบว่า สำนักอนามัย กทม.ได้ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่ และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ออกตรวจติดตามเพื่อให้ผู้ประกอบการตลาดดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิดตามหลักเกณฑ์ 9 ข้อ อาทิ การระบายอากาศ การลงทะเบียนผู้ค้าและลูกจ้าง การทำความสะอาด การสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า

ทั้งนี้ โดยตรวจระหว่างวันที่ 24 พ.ค. – 11 มิ.ย. 2564  มีการให้ข้อมูลล่าสุดโดย ศบค. ในวันที่ 9 มิ.ย. พบว่า ตรวจไปแล้วทั้งสิ้น 379 แห่ง มีตลาด 289 แห่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน หรือคิดเป็นร้อยละ 76 และ ไม่ผ่านเกณฑ์ 90 แห่งหรือร้อยละ 24 แต่นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่มีการแถลงความคืบหน้าใดๆจาก กทม. ว่าผลการตรวจตลาดครบทุกแห่งแล้วหรือไม่ ผลเป็นเช่นไร และส่วนที่ยังไม่ผ่านมีการปรับปรุงแก้ไขไปแล้วหรือไม่อย่างไร และที่สำคัญในส่วนของตลาดที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ประเภทที่ 1 และ ประเภทที่ 2 เป็นตลาดที่ไม่เข้าระบบแต่มีการจัดพื้นที่ค้าขายเป็นเฉพาะช่วงเวลาเช่น เช้า หรือเย็น มีการจัดเก็บค่าแผงมีผู้คุมตลาดชัดเจน แต่จากการเฝ้าระวังของเครือข่ายพบว่าเกือบทั้งหมดไม่มีมาตรการใดๆเลย และคาดว่าตลาดแบบนี้จะมีอยู่ทั่วไปแทบทุกเขต ประมาณการว่าอย่างน้อยมี 2-3 แห่งต่อเขต นั่นหมายความว่าอาจจะมีมากกว่า 100-150 แห่ง ใน กทม.

ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อผลออกตรวจออกมา การจัดการของ กทม. สำนักอนามัย สำนักงานเขต จะทำอย่างไรต่อไปกับตลาดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ เพื่อรักษาพื้นที่ตลาดให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย แหล่งอาหารการกินที่สำคัญของประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาโดยการสั่งปิดตลาดเมื่อพบผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียว การทำงานเชิงป้องกันทำงานเชิงรุกก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้นเครือข่ายจึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อกทม. ดังต่อไปนี้ 1.ปัจจุบันผลการตรวจตลาดคืบหน้าไปอย่างไร กทม.ควรแจ้งต่อสาธารณะ และจะมีมาตรการต่อไปเพื่อทำให้ข้อบกพร่องต่างๆที่พบนั้นหมดไปได้อย่างไร ควรมีกำหนดระยะเวลาให้แต่ละตลาดแก้ไขปรับตัว และมีการตรวจซ้ำ ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด แต่หากพบว่ายังไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ก็ควรมีบทลงโทษกับตลาดที่เพิกเฉยเป็นลำดับขั้น โดยให้ยาแรงในการปิดตลาดเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อการปรับปรุงแก้ไขและกลับมาเปิดทำการค้าขายเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

2.พ่อค้าแม้ค้า ลูกจ้าง บุคคลที่เกี่ยวข้องในตลาด มีความสำคัญและมีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกับบุคลากรด่านหน้า ที่จะเป็นได้ทั้งผู้ติดและแพร่เชื้อ การเร่งตรวจโควิด เร่งฉีดวัคซีน จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน กทม.ควรรีบดำเนินการ 3. ในตลาดที่ถูกสั่งปิดควรมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดให้ชัดเจน ควรมีการประกาศให้ประชาชนทราบว่าจะดำเนินการอย่างไร มีระยะเวลาจัดการกี่วัน และจะกลับมาเปิดขายได้เมื่อไหร่ ไม่ใช่ปล่อยให้อึมครึมหาความชัดเจนไม่เจอ เสียหายทั้งผู้ค้า และผู้ซื้อในตลาด 4. ขอให้เร่งสำรวจตลาดที่อยู่นอกระบบ และไม่มีการขึ้นทะเบียน ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในทุกเขตทุกพื้นที่ เพื่อให้เข้าสู่ระบบ และกำหนดมาตรการควบคุมโควิด-19 เช่นเดียวกับตลาดที่ขึ้นทะเบียน อย่างไม่เลือกปฏิบัติ และ5. จากการสุ่มสำรวจตลาดใน กทม. ของเครือข่าย ในช่วงเวลาก่อนตลาดเปิดทำการ พบว่าการคัดกรองในส่วนของพ่อค้าแม่ค้า ลูกจ้างในตลาดแผงค้า ยังมีความหละหลวมอยู่มาก กทม.ต้องเข้มงวดในจุดนี้ด้วย