posttoday

โพลชี้ทำงานที่บ้านลดเสี่ยงโควิดแต่ทำค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

16 พฤษภาคม 2564

ดุสิตโพลเผยคนไทย 42.72% ทำงานที่บ้านช่วงโควิดระบาด ชี้ข้อดีช่วยลดการแพร่เชื้อ แต่ข้อเสียทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่ 37.17% ชอบการทำงานที่บ้านและที่ทำงานพอๆกัน

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี “พฤติกรรมของคนไทยกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home)” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,553 คน สำรวจวันที่ 10 – 13 พฤษภาคม 2564 สรุปผลได้ดังนี้

1. พฤติกรรมการทำงานของประชาชนในช่วงโควิด-19

ทำงานที่บ้าน 42.72%

ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน 34.45%

ไม่ได้ทำงานที่บ้าน 22.83%

2. ความคิดเห็นที่มีต่อการทำงานที่บ้าน (Work From Home)

อันดับ 1 รู้สึกปลอดภัย/ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 74.82%

อันดับ 2 เป็นการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ/ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน 48.60%

อันดับ 3 มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น 44.05%

อันดับ 4 อุปกรณ์ เครื่องมือไม่พร้อม ไม่เอื้อต่อการทำงาน 40.53%

อันดับ 5 บรรยากาศไม่เหมือนกับที่ทำงาน 39.04%

3. ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำงานที่บ้าน (Work From Home)

ข้อดี

1. ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 88.33%

2. ประหยัดค่าเดินทาง 70.19%

3. ได้ช่วยและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ 60.73%

ข้อเสีย

1. ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าน้ำ-ไฟ อินเทอร์เน็ต 65.80%

2. อุปกรณ์ เครื่องมือไม่สะดวกเหมือนที่ทำงาน 62.08%

3. การสื่อสาร การติดต่อประสานงานช้า 45.97%

4. ความสำเร็จของผลงานจากการทำงานที่บ้าน (Work From Home) สำเร็จประมาณ 70.33%

5. ความชื่นชอบเปรียบเทียบระหว่างการทำงาน “ที่ทำงาน” กับทำงาน “ที่บ้าน”

อันดับ 1 ชอบทั้ง 2 แบบพอๆกัน 37.17%

อันดับ 2 ชอบการทำงานที่ทำงานมากกว่า 36.13%

อันดับ 3 ชอบการทำงานที่บ้านมากกว่า 18.10%

อันดับ 4 เฉยๆ 8.60%

6. ความคิดเห็นที่มีต่อนโยบายการทำงานที่บ้าน (Work From Home) จะช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่

ช่วยได้ 82.66%

ไม่แน่ใจ 13.14%

ช่วยไม่ได้ 4.20%

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ในระยะเวลาปีกว่าที่ภาคประชาชนให้ความร่วมมือด้วยการทำงานที่บ้าน (WFH) และปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังตัวเองอย่างเคร่งครัด เพราะต้องการให้สถานการณ์โควิด-19 นั้น “เจ็บแต่จบ” เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ในส่วนของภาครัฐเองก็ต้องเร่งมาตรการอื่น ๆ ไปพร้อมกันด้วย ทั้งการรับมือและเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

ด้าน ผศ.ทิพสุดา คิดเลิศ รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า การทำงานที่บ้าน (Work From Home) เป็นแนวคิดช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ ถึงแม้การทำงานที่บ้านจะทำให้มีค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มมากขึ้น แต่ภาครัฐก็ได้ออกมาตรการเยียวยาเป็นการแบ่งเบาประชาชน

ซึ่งการทำงานที่บ้านจะเกิดประสิทธิภาพได้นั้น ควรแยกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว (Work Time and Personal Time) เพื่อกำหนดชั่วโมงการทำงานและความสำเร็จของงาน และองค์กรก็ควรกำหนดนโยบาย (Policy) ให้ชัดเจนในเรื่องการทำงานที่บ้าน นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างสำนักงานเสมือน (Virtual Office) สนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันในการสื่อสารและทำงานร่วมกันในองค์กร หรือพัฒนารูปแบบการทำงานเป็นแบบไฮบริด (Hybrid model) ที่เน้นการทำงานแบบผสมผสาน พนักงานสามารถเลือกทำงานจากที่บ้านหรือที่สำนักงานได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้าน “ทำให้เกิดสิ่งใหม่” นั่นคือ “วิถีการทำงานรูปแบบใหม่” และยังเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อีกด้วย