posttoday

ตร.เร่งล่าแก๊งปาหินใส่รถ-ร้านค้ากลางกรุงเหิมหนักก่อเหตุถี่ยิบ

27 เมษายน 2564

ตำรวจเร่งไล่ล่าคนร้ายก่อเหตุปาหินใส่รถตามท้องถนนและร้านค้ากลางกรุง มีหลักฐานตะเวนก่อเหตุหลายท้องถิ่นนับ 10 ครั้ง ล่าสุดนักศึกษาเข้าแจ้งความถูกปาใส่จนไหปลาร้ายุบ

เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายธีธัช ชุมทอง อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ตกเป็นเหยื่อคนร้ายปาหินใส่จนได้รับบาดเจ็บที่ไหปลาร้าเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพิ่มอีก 1 ราย หลังถูกลูกหินใส่จนได้รับบาดเจ็บ

นายธีธัช เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายนเวลา 16.00 น. ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากเซ็นทรัลพระราม 9 เพื่อกลับคอนโดที่พัก ซอยรัชดา 19 ขณะขี่รถโผล่พ้นอุโมงค์ทางลอด รัชดา-สุทธิสาร มุ่งหน้าลาดพร้าว ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรกระเด็นมาโดนบริเวณไหปลาร้าข้างขวา จนรู้สึกเจ็บมาก และมีเลือดซึมออกมา จึงประคองรถจอดเข้าข้างทางและก้มมองดูก่อนเห็นเลือดไหลเต็มหน้าอก จึงตั้งสติประคองรถกลับบ้านเพื่อทำแผล พบว่าแผลมีลักษณะเป็นหลุมรูปทรงวงรี กว้าง 0.5 ซ.ม. ยาว 1 ซ.ม. และเป็นแอ่งลึก 2 มิลลิเมตร ปากแผลมีเศษฝุ่นสีดำ จึงสันนิษฐานว่า น่าจะโดนหินดีดกระเด็นใส่ จึงไม่ได้เข้าแจ้งความแต่อย่างใดฃ

ทั้งนี้ หลังจากนั้นแฟนสาวได้ไปเจอโพสต์ของผู้เสียหายรายก่อน และมีเหยื่อเข้ามาแสดงตัวหลายคน จุดที่เกิดเหตุก็เป็นถนนเส้นเดียวกัน จึงคิดว่าตนเองคงตกเป็นเหยื่อแก๊งปาหินด้วย เพราะส่วนตัวก็มองว่า หากเป็นหินที่ตกลงมาจากสะพานด้านบน ก็ไม่น่าจะมีความแรงขนาดทำให้เกิดแผลลึกเช่นนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ขณะเกิดเหตุตนเองหันตัวขับรถในแนวตรง ทิศทางเห็นมาจากด้านหน้า ซึ่งด้านหน้าของตนเองก็แทบไม่รถคันอื่นเลย มีเพียงรถที่ตามหลังมา จึงคาดว่าอาจจะมาจากรถที่สวนมาจากฝั่งตรงข้ามหรือไม่ และหลังเกิดเหตุตนเองกับแฟนสาวก็หวาดกลัว ไม่มั่นใจในความปลอดภัยหากต้องขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทางที่เคยเกิดเหตุอีก

ด้านนายดำรงค์รักษ์ มาศศิริ เจ้าของร้านบะหมี่บ้านโป่ง เจ๊เเดง ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 เเละ 17 เป็น 1 ในผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายปาหินใส่ร้าน กล่าวว่า ร้านตัวเอง ถูกปาหินใส่มา 3 ครั้ง ในเวลาประมาณ 21.00 น. ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จึงให้พนักงานคอยเฝ้าสังเกตหน้าร้านตั้งเเต่ครั้งเเรก เเละพบว่า ทุกครั้งพนักงานยืนยันว่าขณะเกิดเหตุมักจะมีรถเเท็กซี่สีชมพูต้องสงสัยขับชะลอมาหน้าร้าน เเละเปิดกระจกหน้าต่างฝั่งข้างคนขับทิ้งไว้ทุกครั้ง เเต่ละครั้งที่เกิดเหตุเเม้จะเป็นเเท็กซี่สีชมพูเหมือนกัน เเต่เเถบสีคาดข้างรถจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นรถเช่า นอกจากนี้สอบถามเพื่อนร้านค้าละเเวกใกล้เคียงยังพบว่า มีอีก 2 ร้าน ได้เเก่ ร้านน้ำปั่น เเละร้านอาหารตามสั่ง ที่โดนลักษณะเดียวกันตั้งเเต่ปากซอยลาดพร้าว 1 ยาวไล่จนถึงเเยกรัชดา-ลาดพร้าวอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุพบเป็นหินสีขาว กลมมน คล้ายกับหินประดับตกเเต่งหรือหินตู้ปลาที่พบในรถผู้เสียหายรายก่อนหน้านี้ ซึ่งตนเเละพนักงานในร้านได้รับบาดเจ็บจากเหตุนี้ด้วย ยอมรับว่ากังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลัวว่าลูกค้าที่มานั่งกินอาหารในร้านจะโดนลูกหลงไปด้วย หลังจากเกิดเหตุตนได้เเจ้งความกับ สน.พหลโยธินไปเเล้ว เเละวันนี้ก็มาให้ข้อมูลกับฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสารเพิ่มเติม

ขณะที่ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า พบการกระทำผิดลักษณะเดียวกันนี้ในหลายพื้นที่ แบ่งเป็น สน.พหลโยธิน 2-3 ครั้ง, สน.ดินแดง 3 ครั้ง ,สน.สุทธิสาร 6 ครั้ง และสน.ห้วยขวาง 2 ครั้ง โดยในส่วนของสน.สุทธิสารพื้นที่ที่รับผิดชอบนั้น ผู้เสียหายระบุไม่พบรถต้องสงสัย เเต่จากการสอบถามผู้เสียหายในพื้นที่ สน.พหลโยธิน พบว่ามีรถแท็กซี่สีชมพูที่เข้าข่าย เเต่เมื่อตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กลับพบว่า หลักฐานที่อยู่ของคนขับแท็กซี่คันนั้นไม่สอดคล้องกับวันเวลาที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงตัดออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรถอีกหลายคัน ทั้งรถยนต์เเละจักรยานยนต์ ที่ผ่านมาจากการสอบปากคำผู้เสียหายมีแนวโน้ม ว่า ขณะก่อเหตุคนร้ายอาจจะไม่ลงจากรถทำให้ไม่มีกล้องวงจรปิด หรือพยานเห็นตัวบุคคลหรือใบหน้าผู้ต้องสงสัยเลย

พ.ต.อ.ภูริส กล่าวว่า กำลังประสานข้อมู กับท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้าย และเตรียมรายงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เพื่อตั้งชุดสืบสวนร่วมในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีที่มีการก่อเหตุในหลายพื้นที่ และกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน