posttoday

สธ.ยันไทยฉีดวัคซีนโควิดไม่ล่าช้าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

19 เมษายน 2564

สธ.ยืนยันการฉีดวัคซีนโควิดของไทยไม่ล่าช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ย้ำการที่ สยามไบโอไซม์ ได้เป็นผู้ผลิตวัคซีนแอสตราเซนเนก้า ถือเป็นความมั่นคงเรื่องวัคซีนของประเทศ

นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทย โดย ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนของประเทศไทยไม่ได้ล่าช้า แต่เนื่องจากช่วงแรกมีปริมาณวัคซีนจำนวนจำกัด หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามฉีดไป 5 หมื่นโดส กัมพูชาฉีดไป 4 แสนโดส ยกเว้นอินโดนีเซียที่ร่วมมือกับจีนทดลองวัคซีนตั้งแต่เริ่มแรก

"การที่ประเทศไทยไม่ได้เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบ เพราะประเทศไทยสามารถเจรจาซื้อโดยตรงกับผู้ผลิต ขณะที่โครงการโคแวกซ์มีปัญหาไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนดเพราะประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตระงับการส่งออก และการที่บริษัท สยามไบโอไซม์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ผลิตวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ถือเป็นเรื่องความมั่นคงเรื่องวัคซีนของประเทศ"นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร หลังจากที่มีการส่งมอบวัคซีนแผนหลักในเดือน มิ.ย.64 มีแผนกระจายการฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนที่มีการฉีดไปก่อนหน้านี้เป็นวัคซีนซิโนแวกช่วงฉุกเฉิน 2 ล้านโดส และการฉีดให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่พบการระบาดไม่ได้เสียเปล่า เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะติดเชื้อ ขณะเดียวกันหากฉีดให้คนที่ได้รับเชื้อแต่ไม่แสดงอาการก็จะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายนนี้แพร่กระจายในวงกว้างและรวดเร็ว โดยช่วงเวลาแค่ 3 สัปดาห์มีผู้ติดเชื้อแล้ว 14,851 ราย สูงเป็น 3 เท่าของจำนวนผู้ติดเชื้อในระลอกแรกที่มีระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง ขณะที่การระบาดระลอกสองในช่วงปลายปี 63 มีผู้ติดเชื้อ 24,626 ราย สูงเป็น 6 เท่าของระลอกแรก