posttoday

ประหารชีวิต "สมคิด พุ่มพวง" ฆาตกรต่อเนื่อง ศาล ชี้ไม่สำนึกต่อการกระทำความผิด

02 เมษายน 2564

ศาลขอนแก่น สั่งประหารชีวิต “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่อง เจ้าของฉายา “คิดเดอะริปเปอร์” ฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชี้ไม่สำนึกต่อการกระทำความผิด

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ศาลจังหวัดขอนแก่นอ่านคำพิพากษาในคดีที่ นายสมคิด พุ่งพวง หรือ ฉายา "คิด เดอะริปเปอร์" ฆาตกรต่อเนื่อง ก่อเหตุฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 เมื่อปลายปี 2562 ทั้งที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเพียง 6 เดือนเศษ

คดีนี้ศาลพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) มาตรา 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย "ลงโทษประหารชีวิต"

สำหรับความผิดฐานซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือสาเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เพื่ออำพรางคดี เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน ฐานลักทรัพย์ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพฯ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก

ทั้งนี้จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนในครั้งแรก เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี และต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ทำให้คำรับสารภาพดังกล่าว ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลย เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย ได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน รวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้ง 5 คดีก่อนนั้น เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ

จำเลยยังกลับมากระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปรานี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชน และเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว